รู้จัก ‘แพท พาวเวอร์แพท’ จากจุดสูงสุด สู่ 16 ปีในเรือนจำ
หลังจากนายวรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท (PAT POWER PAT) ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ในโครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง ที่เรียนจำบางขวาง เมื่อวันที่ 4 มกราคม หลังรับโทษในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ เป็นเวลา 50 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือการจองจำเพียง 16 ปี 6 เดือน จนเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น หลายคนอาจสงสัยว่าหนุ่มแพท คือใคร และโด่งดังมากแค่ไหนในอดีต
คลิกอ่าน ปล่อยตัว ‘แพท พาวเวอร์แพท’ พ้นคุก หลังถูกจองจำกว่า 16 ปี พร้อมหวนคืนวงการเพลง
แพท มีชื่อจริงว่า วรยศ บุญทองนุ่ม เป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงในฐานะ แพท พาวเวอร์แพท (PAT POWER PAT) โด่งดังในฐานะนักร้องนำวง POWER PAT สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และยังมีผลงานแสดงในละครหลายเรื่อง ที่โด่งดังในช่วงปี พ.ศ.2543-พ.ศ.2547
แพท เกิดวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2523 มีผลงานอัลบัมเพลงชุดแรกในชื่อ “POWER Pat” กับค่าย “Crunch Records” สังกัด เบเกอรี่ มีเพลงดังอย่าง โรงภาพยนตร์ และเพลงอย่าเขย่าโด่งดังในช่วงปี พ.ศ.2543
ในปี 2544 วงพาวเวอร์แพท ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ในชื่อ “POWER POP” คราวนี้ย้ายมาสังกัดค่ายใหญ่อย่าง จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ มีเพลงดังที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง “หลุดปากใช่ไหม”
หลังจากนั้น แพท แยกตัวออกจากวง POWER PAT มีผลงานอัลบั้มเดี่ยวในชื่อ “แพท Power Pat” เป็นครั้งแรกในปี 2545 มีเพลงดังที่คุ้นหูกันดีอย่าง “มีคำเป็นร้อย”
ด้วยหน้าตาหล่อเหลาและภาพลักษณ์ที่ดูดี ทำให้แพท ได้โอกาสก้าวไปสู่วงการการแสดงละครจอแก้วหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น รัน!รักอันตราย ที่ได้เล่นร่วมกับ “แท่ง” ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง พระเอกดังแห่งยุค และ “นิโคล เทริโอ” ออกฉายทาง ททบ.5
รวมไปถึง ละครทางช่อง 3 อย่าง “เฮี้ยวนักรักซะเลย” ที่หนุ่มแพทเล่นเป็นพระเอก คู่กับ “พิมรา เจริญภักดี” หรือ “น้ำหวาน ซาซ่า”
นอกจากนี้แพท ยังมีผลงานแสดงนำในละครเรื่อง “Girl Club รับเอาคืน” ออกฉายทาง ช่องITV เมื่อปี 2545 ร่วมกับดาราดังในยุคนั้นอย่าง “เจ มลฑล” ด้วย
6 พฤศภาคม พ.ศ.2547 หรือเมื่อ 16 ปีก่อน แพท ตกเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อนักร้องดัง ที่เวลานั้นอยู่ในวัย 23 ปีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล่อซื้อยาอี พร้อมของกลางคือยาอีรวม 3,000 เม็ด ยาเคชนิดน้ำจำนวน 4 ขวด และกัญชา 1 ห่อ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยแพทถูกศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์จำคุก 50 ปี และปรับ 1 ล้านบาท
ระหว่างที่หนุ่มแพท ถูกจำคุกมีสื่อหลายสำนักข่าวไปติดตามเรื่องราวการใช้ชีวิตของหนุ่มแพทในเรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรี หลายครั้ง โดยแพท ได้รับการจัดให้เป็นนักโทษชั้นดีทำหน้าที่เป็นครูดนตรีให้กับผู้ต้องขังคนอื่นๆ มีผลงานเป็นหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คในชื่อ “ชีวิตที่ไม่มีเทค 2 พาวเวอร์ แพท” หนังสือบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผิดพลาด จนอนาคตของตัวเองย่อยยับลงไปกับมือ เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนในสังคม
โดยเคยเปิดเผยถึงสาเหตุที่ติดยากับ เมเนเจอร์ออนไลน์ ว่า “เหตุผลที่ผมไปเสพยา เพราะรู้สึกว่าคนอื่นไม่เข้าใจ คุยกับใครไม่รู้เรื่อง ส่วนที่บ้านผมก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร เหมือนรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเรา ไม่ใช่เสพยาเพราะประชดชีวิต แต่ผมเสพยาเหมือนเป็นเพื่อน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบไปห้าง ไม่ชอบที่คนเยอะๆ ไม่ชอบชีวิตในมหาวิทยาลัย จะบอกว่าติสต์จัดก็ได้ ผมรู้ว่ายาเสพติดมันไม่ดี แต่ตอนนั้นผมมองว่ายาเสพติดมันเป็นเพื่อน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดค้ายา เสพอย่างเดียว แค่มีให้เสพก็พอแล้ว ตอนนั้นก็ติดยาหนักเลยแหละ”
แพท เรียนจบปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ เอกสารสนเทศศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และที่พิเศษไปกว่านั้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552 ทางกรมราชทัณฑ์ได้จัดพิธีมอบและฉลองปริญญาให้กับบัณฑิตในเรือนจำกลางบางขวาง และอนุญาตให้ครอบครัวของผู้ต้องขังเข้าร่วมแสดงความยินดีด้วย นอกจากนี้ แพท ยังจบปริญญาตรีใบที่ 2 ในสาขาสาขาสารสนเทศ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาสุขโขทัยธรรมาธิราช อีกใบในปีพ.ศ. 2557ด้วย
แพท ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 ในวัย 40 ปี โดยเป็น 1 ใน 117 คนที่ได้รับการอภัยโทษในโครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง
โดยแพทให้สัมภาษณ์ว่า ตนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาที่ทรงมีพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังในราชทัณฑ์ ที่พระองค์ทรงให้โอกาสผู้ต้องขังได้กลับตัวเป็นคนดี ออกมาดูแลครอบครัว ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม ประเทศชาติ ซึ่งตนจะรักษาโอกาสนี้เทียบเท่าชีวิต จะมุ่งมั่นทำความดี ไม่หวนไปทำผิดกฏหมาย ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด เพราะตนได้ให้สัตย์ปฏิญานเอาไว้แล้ว ถือเป็นคำมั่นสัญญาที่สำคัญของตน จากนี้ตนจะขอกลับไปดูแลครอบครัวก่อน หลังจากที่เฝ้ารอวันนี้มานานนับสิบกว่าปี ทำให้ตนรู้สึกอบอุ่น ตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เป็นวันที่ตนต้องจดจำไปจนวันตาย เหมือนได้เกิดใหม่
นายวรยศ หรือ แพท พาวเวอร์แพท กล่าวอีกว่า ตนต้องขอโทษกับทางครอบครัวที่ทำให้ลำบากกันมา 16 ปี หลังจากนี้เหมือนตนปรับตัวได้ดีแล้ว ในอนาคตหลังจากบวชทดแทนคุณให้แม่แล้ว ตนจะกลับไปทำงานเพลงอีกครั้ง เพราะตอนที่อยู่ข้างใน ตนได้ทำเพลงเอาไว้เยอะ ทั้งซ้อมทั้งวางแผนที่จะกลับไปทำเพลงตลอดเวลา โดยคิดว่าจะกลับไปรวมวงเพื่อทำเพลงร่วมกันอีกครั้ง และจากนี้ไปตนคงต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาตนใช้ชีวิตวัยรุ่นด้วยความประมาท ใช้ชีวิตแบบไม่คิดถึงวันพรุ่งนี้มาแล้ว จากนี้ไปตนจะใช้ชีวิตที่ได้รับโอกาสนี้ด้วยความไม่ประมาท
