หลังจากเมื่อวันที่ 25 กันยายน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เข้าไปแจ้งความที่สน.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ 3 คน โดย 2 คนแรก แอบทำเฟซบุ๊กเลียนแบบเฟซบุ๊ก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่คอยช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนต่างๆ โดยเลียนแบบคำพูดทุกอย่าง แต่เปลี่ยนเลขที่บัญชีจากของผู้ต้องการรับความช่วยเหลือไปเป็นเลขที่บัญชีของมิจฉาชีพ เอง ส่วนกรณีมิจฉาชีพอีกคนหนึ่งแอบอ้างว่ารู้จักบิณฑ์ หากใครต้องการรับความช่วยเหลือก็ให้โอนเงินมาก่อน เพื่อเป็นค่าดำเนินการช่วยเหลือ โดยมีผู้พิการรายหนึ่งหลงเชื่อต้องไปกู้หนี้ยืมสินโอนเงินไปให้เป็นจำนวน 6,000 บาท แล้วมิจฉาชีพคนนี้ยังทำทีเป็นมาขอความช่วยเหลือจากบิณฑ์ด้วย
ล่าสุดวันนี้ (28 กันยายน) บิณฑ์ได้ไปชี้แจงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวในรายการ ‘ปากโป้ง’ ทางช่อง 8 ว่า ตอนนี้จับตัวมิจฉาชีพที่ปลอมแปลงเฟซบุ๊กของตนได้แล้ว โดยทั้ง 2 คนเป็นสามีภรรยากัน ตำรวจบอกว่าทั้งคู่ไม่ใช่มืออาชีพเพราะใช้เลขบัญชีเดิมทุกครั้งจึงตรวจสอบง่าย ซึ่งตนตั้งใจจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เนื่องจากอยากให้เป็นเยี่ยงอย่างและเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย โดยในแฟนเพจมีคนติดตามเยอะจึงมีผู้เสียหายนับร้อยหลายเป็นจำนวนเงินรวมถึงหลักล้าน ส่วนทางผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังอยู่ที่ศาลสมุทรปราการนั้นอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดีจึงทำ แต่ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือให้เห็นแล้ว เพราะมีเงินเข้าในบัญชีเมื่อไหร่ก็จะกดออกมาใช้ทันที ซึ่งตนก็ได้แจ้งความในข้อหาพรบ.คอมพิวเตอร์ ปลอมแปลงไป
ส่วนกรณีมิจฉาชีพที่ไปหลอกเงินคนพิการนั้น บิณฑ์กล่าวว่ามีการมาขอความช่วยเหลือจากตนบ่อยครั้ง ด้วยความที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึง จ.สตูล รวมถึงเงินที่ขอ 2,000 – 3,000 บาทก็ไม่ได้มากจึงไม่ได้ตรวจสอบ ถึงอย่างนั้นก็ตั้งใจจะหาคนผิดมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
“ที่รู้เขาทำมา 1 รายแต่ที่ผ่านมาไม่ทราบ มีคนมาบอกว่ามีทีมงานของคุณบิณฑ์โทรมาว่าอยากให้คุณบิณฑ์มาช่วยเหลือ โอนเงินไป 3,000 แล้วก็เงียบหายไป เป็นคุณบิณฑ์หรือเปล่า ผมจะเจอแบบนี้เยอะมากแต่ไม่ทราบว่าคนเดียวกันหรือเปล่า ผมอยากจะบอกว่าไม่มีนโนบายเรียกเก็บเงินใครก่อน ทุกเคสผมดูแลเอง อ่านทั้งหมดและโทรคุยกับเคสของผมเอง ว่าจะเข้าไปช่วยเหลือเมื่อไร ไม่มีเก็บค่าดำเนินการไม่เคยเลย ช่วยคือช่วยเต็มที่ไม่มีเรียกร้อง” บิณฑ์ว่า
และบอก “เจอแบบนี้ไม่บั่นทอนการทำงานนะ แต่เชื่อว่าคนที่บริสุทธิ์ใจที่จะช่วยเหลือเคสผมว่า เขารู้สึกว่ามันไม่น่าเกิด เขาพยายามที่จะช่วยคนที่ขอความช่วยเหลือ แต่มาเจอมิจฉาชีพผมก็รู้จิตใจเขานะว่ายังไง ผมเข้าใจความรู้สึก ตอนนี้สำหรับมาตราการป้องกันผมพยายามปรึกษา เพียงแต่ว่าการช่วยเหลือต้องดูดีๆ นิดนึง เพจผมมีคนติดตามเยอะ เพจปลอมมีคนตามน้อย ที่ผมลงจะเกี่ยวกับช่วยเหลือคนป่วย และอะไรที่เป็นประโยชน์ เพจปลอมดูลามก มั่วมากผมไม่ใช่คนแบบนั้น ดูหน้าแฟนเพจจริงๆ ง่ายนิดเดียวมีจะสีน้ำเงินตรงหลังชื่อนะครับ อยากให้พิจารณาดูนิดนึงจะช่วยเหลือใครก็ สังเกตดี”
ทั้งนี้บิณฑ์บอกด้วยว่า ค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือคนอยู่ในหลักแสน เพราะเดือนหนึ่งต้องมีอย่างน้อย 6-7 กรณี กรณีและ 20,000 บาท ดูแลคนชราที่ถูกทอดทิ้งรายละเป็นหลักพันบาท สิบกว่าราย ต้องดูแลวัวที่ไปไถ่ชีวิตมา รวมๆ แล้วจึงเกือบแสนบาทแต่โชคดีว่ามีคนทั่วไปคอยช่วยเหลือตลอด ซึ่งต่อไปถ้าไม่ไหวอาจจะต้องหยุด ถ้าไหวก็จะทำต่อไป
