เปิดประวัติ “เศรษฐา ศิระฉายา” จากเด็กขนเครื่องดนตรีสู่ศิลปินแห่งชาติ
ข้อมูลจาก หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ระบุว่า เศรษฐา ศิระฉายา เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 เริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิง ตั้งแต่อายุประมาณ 16 ปี ด้วยการเป็นคนขนเครื่องดนตรีในวงดนตรี ตามคำชักชวนของน้าชาย คือ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ อดีตพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
จากเด็กขนของ เศรษฐาได้ฝึกหัดทักษะด้านดนตรีแบบครูพักลักจำ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องตามสถานบันเทิงต่าง ๆ กระทั่งได้รวมตัวกับเพื่อน ๆ นักดนตรี ในชื่อวง ดิ อิมพอสซิเบิ้ล โดยเขารับบทบาทเป็นนักร้องนำ ปี พ.ศ.2512 ดิ อิมพอสซิเบิ้ลสามารถคว้าถ้วยพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งผลให้เริ่มเป็นที่นิยม และเป็นจุดเปลี่ยนให้เศรษฐาได้เข้ามาสัมผัสโลกภาพยนตร์เป็นครั้งแรก เมื่อเขาและเพื่อน ๆ ได้รับการทาบทามจากเปี๊ยก โปสเตอร์ให้มาร่วมบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง โทน (2513)
ดิ อิมพอสซิเบิ้ล ยังคงชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบอีก 2 ครั้งติดต่อกันหลังจากนั้น และได้บรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิ ดวง (2514) สวนสน (2514) ระเริงชล (2515) ตัดเหลี่ยมเพชร (2518) ฯลฯ กลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ปี พ.ศ. 2518 หลังกลับมาจากการไปทัวร์ที่ต่างประเทศ เศรษฐาก็ได้รับการชักชวนจาก จุรี โอศิริ ให้มาแสดงภาพยนตร์อย่างจริงจังครั้งแรกใน ฝ้ายแกมแพร (2518) และสามารถคว้ารางวัลพระสุรัสวดีสาขา นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครองได้ทันที
ปี พ.ศ. 2519 ดิ อิมพอสซิเบิ้ล ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ เศรษฐาจึงก้าวเข้าสู่โลกมายาอย่างเต็มตัว มีบทบาทโดดเด่นทั้งการเป็นพิธีกรและนักแสดง กล่าวเฉพาะภาพยนตร์ เขานับเป็นดารายอดฝีมือคนหนึ่ง ซึ่งสามารถรับบทบาทได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบทดี บทร้าย บทตลก ส่งผลให้มีผลงานออกมามากมายจวบจนปัจจุบัน เช่น แผลเก่า จำเลยรัก มนต์รักแม่น้ำมูล พ่อกระดิ่งทอง ยอดรักผู้กอง เลดี้ฝรั่งดอง เฮงได้ เฮงดี รักนี้ วิมานมะพร้าว บิ๊กบอย ฯลฯ โดยเรื่องที่โดดเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งคือ ชื่นรัก (2522) ซึ่งเขาได้รับบทพระเอกประกบคู่กับ อรัญญา นามวงศ์ นางเอกชื่อดัง เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ชีวิตกันในเวลาต่อมา
ปี พ.ศ. 2554 เศรษฐา ศิระฉายา ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ในสาขาศิลปะการแสดง เป็นเครื่องการันตีถึงผลงานคุณภาพ ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางสายนี้ และในวันที่ 26 เมษายน 2557 ศิลปินแห่งชาติผู้นี้จะเดินทางมาที่หอภาพยนตร์ เพื่อประทับรอยมือรอยเท้า เป็นดาวดวงที่ 150 บนลานดารา หน้าโรงภาพยนตร์ศรีศาลายา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงประมาณกลางปี 2562 ก็ได้รับข่าวร้าย เมื่อ ต้อย เศรษฐา ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งปอด แต่อาการป่วยก็ดีขึ้น เนื่องจากมีกำลังใจดีจากครอบครัว รวมถึงหลานชายสุดที่รัก
ช่วงเดือน เม.ย. ปี 2564 อาต้อย เศรษฐา ได้ติดเชื้อโควิด-19 และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งทำให้หลายคนเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากนักแสดงอาวุโสมีโรคประจำตัวคือมะเร็งปอด และเพิ่งทำคีโมมา หลังจากที่รักษาตัวในโรงพยาบาลหลายสัปดาห์ อาต้อย เศรษฐา ก็หายจากอาการป่วยโควิด และได้กลับบ้านด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส
แต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา อาต้อย ต้องกลับไปทำคีโมอีกครั้ง จากมะเร็งปอดเป็นระยะที่ 4 ที่มีการกระจายไปที่อื่นด้วย จนเกิดผลข้างเคียงและมีภาพร่างกายซูบผอมออกมาให้ได้เห็น จนหมอต้องตัดสินใจให้อาหารทางสายยาง จนแฟนๆ ต่างเข้าไปส่งกำลังใจกันล้นหลาม
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (20 ก.พ.) ต้อย เศรษฐา ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากที่รักษาตัวมาระยะหนึ่ง ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวศิระฉายา คนในวงการบันเทิง รวมไปถึงแฟนๆ เป็นอย่างมาก
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
– สิ้นอีกหนึ่งตำนาน ‘ต้อย เศรษฐา’ ในวัย 77 ปี หลังรักษาตัวจากมะเร็งปอด
– อี๊ฟ พุทธิดา อัพเดตอาการต้อย เศรษฐา เผยน้ำหนักลดเกือบ 10 โล จนต้องหยุดให้คีโมก่อน
– เศรษฐา ศิระฉายา ติดโควิด-19 เจ้าตัวขอบคุณทุกกำลังใจ
– ฉลองวันเกิด เศรษฐา ศิระฉายา ครบรอบ 77 ปี พร้อมหน้าครอบครัวเรียบง่ายแต่อบอุ่น