ย้อนอ่าน “พ่อโสภณ เล่าถึงลูกแตงโม” เบื้องหลังการหย่า-ภูมิใจ ‘อภิชาตบุตร’

ย้อนอ่าน “พ่อโสภณ เล่าถึงลูกแตงโม” เบื้องหลังการหย่า-ภูมิใจ ‘อภิชาตบุตร’

เมื่อปี 2548 โสภณ พัชรวีระพงษ์ พ่อแตงโม เคยออกหนังสือเรื่อง “เล่าถึงลูกแตงโม – ภัทรธิดา ตามประสาพ่อ” ตีพิมพ์กับสนพ. ณ บ้านวรรณกรรม โดยในหนังสือบอกเล่าเรื่องราวของสองพ่อลูก ตั้งแต่วันที่หย่าร้าง การเลี้ยงดู จวบจนวันที่แตงโม เข้าสู่วงการบันเทิง

ล่าสุด เพจ ณ บ้านวรรณกรรม ได้นำบางช่วงบางตอนของหนังสือดังกล่าว มาโพสต์บอกเล่าเรื่องราวเพื่อแสดงความอาลัยต่อสองพ่อลูก

เมื่อรู้ว่าต้องหย่า

จากบันทึกข้อเขียนโดย โสภณ พัชรวีระพงษ์
ในหนังสือ “เล่าถึงลูกแตงโม – ภัทรธิดา ตามประสาพ่อ”
บรรณาธิการโดย รักชนก นามทอน
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม @ พุทธศักราช 2548
——–

Advertisement

วันหนึ่งที่รู้แน่นอนแล้วว่าไม่สามารถที่จะรักษา ‘ชีวิตคู่’ กับคุณแม่น้องโมได้ สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือจะเอาอย่างไรดีในเรื่องลูก ความที่เป็นคนรักลูกมาก ๆ คนหนึ่ง ความคิดแวบแรกคือ ลูกต้องอยู่กับเรา เราเองขาดลูกไม่ได้

เหตุผลประการที่สองก็คือ หากคิดไปถึงอนาคต เพราะในขณะที่หย่ากันนั้น ตัวคุณพ่อมีอายุประมาณสี่สิบปี คุณแม่น้องมีอายุประมาณสามสิบปี อายุเราห่างกันประมาณสิบปี ซึ่งโดยอายุของทั้งคู่กอปรกับหน้าตา สังคมและหน้าที่การงาน เป็นไปได้ว่าแต่ละฝ่ายอาจมี ‘คู่ครองใหม่’ ในอนาคต

ด้วยเหตุผลประการหลังนี้ จะยิ่งชัดเจนว่าลูกควรอยู่กับคุณพ่อมากยิ่งขึ้น เพราะว่าลูกเราเป็นลูกสาว เป็นผู้หญิง ฝ่ายหญิงหากมีคู่ครองใหม่ และหากลูกอยู่กับคุณแม่ก็จะกลายเป็นว่า วันหนึ่งลูกสาวที่ต้องโตขึ้นทุกวัน ต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นคู่ครองใหม่ของคุณแม่ซึ่งอาจมีปัญหาได้ เพราะเป็นเพศตรงข้ามกัน แต่หากหย่ากันไปแล้ว ลูกสาวอยู่กับคุณพ่อ หากคุณพ่อมีคู่ครองใหม่ คู่ครองเราก็จะเป็นผู้หญิงซึ่งเป็นเพศเดียวกันกับลูกสาวเรา อันตรายหรือปัญหาอันอาจเกิดขึ้นในอนาคตจะไม่มีโดยสิ้นเชิง

Advertisement

จึงเป็น ‘เงื่อนไข’ และเป็นข้อแม้ของคุณพ่อในระหว่างการเจรจาหย่าร้างกันว่า ยอมได้ทุกข้อ ยอมได้ทุกอย่าง เช่น บ้านที่อาศัยอยู่ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกบนเนินบนเนื้อที่ร่วมร้อยสิบตารางวา ซึ่งซื้อเป็นเรือนหอตั้งแต่ตอนแต่งงานกัน และได้ออกแบบให้มีห้องนอนของน้องโมไว้หนึ่งห้องตั้งแต่แรก เป็นบ้านที่สวยงามมาก อยู่แถวแจ้งวัฒนะ ที่อยากจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูก แต่คุณแม่เขาต้องการให้ขายเพื่อแบ่งสมบัติกัน ก็ยอมหมด

คุณพ่อบอกไว้ชัดเจนว่า #ต้องการอย่างเดียวคือน้องโมต้องอยู่กับคุณพ่อ หากยินยอมเมื่อใด ก็จะหย่าขาดจากกันในทันที

ยกเว้นเรื่องนี้แล้ว #เรื่องอื่นๆ #คุณพ่อยอมหมด

วันหนึ่งระหว่างนั่งทำงาน คุณแม่น้องโทรมาบอกตกลงยอมให้ลูกอยู่กับคุณพ่อ แต่เรื่องอื่น ๆ ต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ คุณพ่อรีบตอบทันทีว่าตกลง ไปเจอกันที่อำเภอเดี๋ยวนั้น

แล้วคุณพ่อกับคุณแม่น้องโมก็หย่ากันทันที โดยใน #บันทึกใบหย่า จะมีข้อความสำคัญเป็นข้อแรกว่า

“ข้อ 1. เรื่องบุตร เด็กหญิงภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ตกลงให้บุตรดังกล่าวอยู่ในความปกครองภาระเลี้องดูของฝ่ายชาย โดยมารดามีสิทธิมาเยี่ยมและนำบุตรไปอาศัยที่คุณแม่ได้เป็นครั้งคราว”

หนังสือหย่าทำกันที่สำนักงานเขตพญาไท เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2532 ในขณะที่น้องโมมีอายุประมาณห้าขวบ (แตงโม เกิด 13 กันยายน 2527) หลังจากนั้นอีกสิบกว่าวันตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่สี่สิบของคุณพ่อ ก็ได้มีโอกาสฉลองวันเกิดเป็นครั้งแรกระหว่างสองคนพ่อลูก ซึ่งจะเป็นอะไรง่าย ๆ ไปนั่งกินข้าวกันธรรมดาไม่มีพิธีรีตรองอะไร

นับจากนั้น น้องโมก็ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อสองคนตราบจนทุกวันนี้💞

 

ของขวัญวันเกิดน้องโม
‘จดหมายจากคุณพ่อ’
.
จากบันทึกข้อเขียนโดย โสภณ พัชรวีระพงษ์
ในหนังสือ “เล่าถึงลูกแตงโม – ภัทรธิดา ตามประสาพ่อ”
บรรณาธิการโดย รักชนก นามทอน
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม @ พุทธศักราช 2548
—————–

13 กันยายน 2547
น้องโมลูกรัก
วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 20 ของน้องโม ซึ่งถือว่าเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่สำคัญเป็นพิเศษครั้งหนึ่งของชีวิต เพราะเป็นวันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์

ในทางกฎหมายถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถตัดสินใจกระทำการใดๆ หรือทำนิติกรรมใด ๆ ก็ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ผู้ปกครองยินยอมเหมือนเด็ก ๆ อีกต่อไป

หากอายุคนเฉลี่ยที่หกสิบปี แบ่งเป็นสามช่วง ช่วงละยี่สิบปี ยี่สิบปีแรกถือเป็นวัยเด็ก ยี่สิบปีที่สองถือเป็นวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน ยี่สิบปีที่สามคือวัยผู้ใหญ่ย่างเข้าสู่วัยชรา

ชีวิตของน้องนับว่าเป็นวันแรกที่ย่างเข้าสู่วัยที่สอง มีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายและจะต้องเริ่มเรียนรู้มากขึ้น กว้างขึ้น และลึกมากขึ้น การมองอะไรในภาพเดียว มิติเดียวเหมือนเช่นวัยเด็กจะเริ่มใช้ไม่ได้และไม่เพียงพอ บางครั้งอาจต้องมองสองสามมุมถึงจะเพียงพอ และนำไปสู่การตัดสินใจที่จะส่งผลดีกับเราไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ต้องหมายถึงวันข้างหน้าด้วย

คุณพ่อมีความรู้สึกว่าอยากจะเขียนถึงน้องให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ปีละครั้งเหมือนตอนเด็ก ๆ เพราะน้องเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้วประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งจากหน้าที่การงานและสังคมผู้คนที่ต้องเผชิญมากมาย ทำให้น้องต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวต่าง ๆ ของสังคม ของบ้านเมือง ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีของประเทศเรา และประเทศต่าง ๆ เพราะคนในวัยนี้จะอาศัยความชอบหรือไม่ชอบ หรือเอาเหตุผลของการถูกผิดมาใช้ในการตัดสินใจเพียงอย่างเดียว ในบางครั้งจะเริ่มไม่เพียงพอ

เหตุนี้ หากคุณพ่อคิดว่าน้องควรจะรู้อะไรเพิ่มเติม ก็จะเขียนมาให้อ่านแล้วค่อยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน แต่ในวันนี้ที่เป็นวันที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของน้อง คุณพ่อก็จะเขียนถึงเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวน้องและคุณพ่อเท่านั้น

ประการแรก คุณพ่อดีใจกับน้องในความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งกับบท ‘กาเหว่า’ ในละคร ‘อุ่นไอรัก’ ที่สามารถแสดงได้อย่างดียิ่ง เพราะการได้มาซึ่งโอกาสนั้นคือประการหนึ่ง แต่การสามารถคว้าโอกาสนั้นได้คือ ความสามารถส่วนตัวของน้อง นั่นคืออีกประการหนึ่ง คนบางคนมีโอกาสแล้ว แต่ไม่พร้อม ก็ไม่สามารถคว้าโอกาสไว้ได้

พูดถึงเรื่องนี้ อยากให้น้องเพิ่มเติมในเรื่องการรู้จักรักษาแฟน ๆ ผลงานของเรา อยากจะให้ดูคุณเจี๊ยบ เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ เป็นตัวอย่างที่ดี คุณเจี๊ยบจะมีความสุขและไม่เคยเบื่อหน่ายต่อแฟน ๆ ของเขา เขาจะรู้จักรักและพูดคุย ทักทาย ยิ้มแย้มกับแฟน ๆ คนเขาก็จะรักและพูดกันปากต่อปากว่า ดาราคนนี้น่ารัก ในที่สุดก็เป็นดาราในดวงใจของเขา จึงในบางครั้งเพียงแค่น้องหันไปยิ้มให้หรือโบกไม้โบกมือให้ เขาก็ชื่นใจแล้ว

ประการที่สองที่คุณพ่อดีใจมาก ๆ อาจจะพอ ๆ กันหรือมากกว่าประการแรกด้วยซ้ำ คือการที่น้องเห็นคุณค่าของการศึกษา และน้องมีความสุขในวิชาที่น้องเรียน คุณพ่อเห็นน้องตั้งใจเรียน สนใจอยากเรียนด้วยตัวเอง ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ ที่บางครั้งน้องมองข้ามไป หรือละเลยไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

ชีวิตคนนั้นยังอีกยาวไกล ด้วยอายุยี่สิบของน้องยังมีหนทางให้เดินอีกยาวไกล ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายไม่รู้จบ ยังมีอะไรให้เผชิญอีกหลายอย่าง ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ

มองกลับไปวันเกิดคุณพ่อเมื่อสองปีก่อน คุณพ่อยังจำได้ไม่ลืม ตอนที่น้องขึ้นไปกล่าวอวยพรคุณพ่อ และน้องได้พูดตอนท้ายว่า

“ลูกสาวคนนี้จะต้องทำให้คุณพ่อภูมิใจและจะทำให้สำเร็จ คุณพ่อจะไม่ผิดหวังในตัวลูกสาวคนนี้แน่นอน”

คุณพ่อจำได้ และคอยมองทุกย่างก้าวของน้อง การพัฒนาจากละครเรื่อง ‘เบญจา คีตา ความรัก’ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือเสมือนการเริ่มเข้าสู่วงการ เหมือนการแจ้งเกิด ถัดมาถึงเรื่อง ‘อุ่นไอรัก’ เพียงแค่ไม่นาน น้องก็สามารถเรียกได้ว่า เกิดเต็มตัวแล้ว นับเป็นความสามารถ และสะท้อนถึงความตั้งใจในการทำงาน ความทุ่มเทในงาน เหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่ดีที่เอาไปใช้ได้ในทุกเรื่องและทุกงาน

พูดถึงเรื่องนี้ต้องไม่ลืมจะบอกว่าน้องต้องเติมเต็มในเรื่องของเวลา ต้องไม่ไปทำงานสาย คนจะเบื่อหน่าย และจะเป็นภาระของเพื่อนร่วมงาน ที่เราต้องรู้จักเกรงใจ คนเราถ้าจะให้เขารักชอบเอ็นดูเรา เราต้องรู้จักทำตัวให้เขาชอบ ให้เขารัก อย่าให้เขาว่าได้

อีกเรื่องที่อดพูดถึงไม่ได้ คือการดูแลสุขภาพ การพักผ่อน ต้องเพียงพอ คุณพ่อเป็นห่วงเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะการขับรถ หากเราสามารถย้ายมาอยู่รวมกันได้ คุณพ่อก็คงสามารถดูแลน้องได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การกิน เสื้อผ้า การขับรถ เรื่องงาน (เท่าที่จะช่วยได้ เพราะเรื่องงานพยายามให้ทำด้วยตัวเอง ไม่ก้าวก่าย ยกเว้นแต่จะเอ่ยปากให้ช่วยเรื่องอะไร ก็จะรีบทำให้ด้วยความเต็มใจ)

วันเกิดปีนี้ ขออวยพรให้น้องมีความสุข ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีงานเข้ามาเยอะ ๆ จะได้เลือกงานที่ชอบได้มากขึ้น มีเงินทองรายได้มากขึ้น เพื่อจะได้เป็นทุนการศึกษา และเป็นหลักประกันในชีวิตภายหน้า หากจะไปลงทุนทำธุรกิจอะไร เป็นที่รักของแฟน ๆ ทั่วประเทศ

ขอให้ภูมิใจในตัวเอง มีความเชื่อมั่นในตัวเอง (แต่ไม่ใช่เหลิง) ในอายุสิบเก้ายี่สิบปีเท่ากัน น้องทำได้ดีกว่าคุณพ่อมากมาย เป็นอภิชาตบุตร ขอให้พระเจ้าอวยพระพรแก่น้อง ให้น้องเป็นคริสเตียนที่ดี เป็นลูกที่ดีของคุณพ่อและของพระเจ้า ให้น้องอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่านี้ พระเจ้าก็จะให้พรแก่น้องมากยิ่งขึ้น ขอให้น้องสามารถรักษาและพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ ทั้งความสามารถในการแสดงและแฟน ๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศให้ดีขึ้นและมากขึ้น

สำคัญที่สุดในชีวิตหนึ่ง อย่าลืมทำตัวให้เป็นคนดีของสังคม และหากมีโอกาสได้ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ จงทำ เพื่อทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน
รักลูกเสมอ
❤️คุณพ่อ❤️

ที่มา : เพจ ณ บ้านวรรรณกรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image