‘ก้อย อรัชพร’ ตอบปม ขอ ‘นิกกี้’ ให้มูฟออน แล้วแต่จะตีความ โชว์จุดยืนชัดเจนแล้ว

ก้อย อรัชพร ตอบปมขอ นิกกี้ ให้มูฟออน แล้วแต่จะตีความ โชว์จุดยืนชัดเจนแล้ว

เรียกว่าแทบจะปิดประตูรีเทิร์นเลยทีเดียว จากกรณีล่าสุดที่ นิกกี้ ณฉัตร ได้โพสต์อวยพรวันเกิดอดีตแฟนสาว ก้อย อรัชพร ไว้ว่า “Hbd @goyyog รักเสมอนะจ้า ก้อย” ซึ่งงานนี้ก้อยก็ได้เข้ามาตอบพร้อมทั้ง ขออโหสิกรรมและให้มูฟออนไปพร้อมกัน ทำเอาหลายคนต่างก็ตีความกันไปต่างๆ นานา โดยล่าสุดในงาน “บางกอกคณิกา Meet & ซี้ด” ที่ สยามพารากอน ก้อย ที่รับบท โบตั๋น ในเรื่องนี้ก็ได้เปิดใจว่า

ทำไมถึงตัดสินใจรับเป็นโบตั๋น?

“โอกาสที่เราจะได้เล่นโสเภณีในชีวิตมันไม่ง่าย ก้อยว่าหนึ่งด้วยบท สองด้วยคาแรกเตอร์ สามปกติคนจะเห็นว่าเราเป็นนักเรียนเราติดคอมมาดี้ ตัวก้อยเองก้อยชอบและรักการแสดง การที่เราจะได้รับโอกาสที่เราจะได้ทำอะไรนอกจากสิ่งที่คนคิดว่าเราจะทำได้ ก้อยก็เลยรับอย่างรวดเร็ว”

Advertisement

เคยคิดไหมว่าเราเป็นครูสอนการแสดงแต่จะต้องรับบทเป็นนักแสดง?

“อาจจะไม่ได้คิด แต่ก็เป็นอะไรที่ก้อยอยากทำ ก้อยชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่แล้ว ตอนที่เขาเรียกไปคุยก็รู้สึกว่าเฮ้ยได้เล่นเป็นโสเภณีแล้วเพื่อนโสเภณีของเราคืออิงฟ้ากับชาร์เลท เเล้วมีพี่อ้อมอีก รู้สึกว่าโปรเจ็กต์น่าสนใจมาก เเล้วยิ่งไปกว่านั้นคือเนื้อเรื่องที่มันตีแผ่มันให้อะไรกับสังคม ก้อยว่ามันเป็นประเด็นที่มันมีอยู่จริงในปัจจุบัน เเล้วก็เป็นอะไรที่สังคมเขาจะตั้งคำถาม ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตัวก้อยอินอยู่แล้ว”

รู้สึกยังไงบ้างตอนลงพื้นที่?

Advertisement

“ก็เดินเข้าไปดูว่า โอเคพี่ ๆ คาแรกเตอร์นี้เขามีวิธีการในการเอ็กซ์เพรสยังไง ในขณะเดียวกันเราเคยไปฝั่งสวนหลวง เราก็จะเห็นว่าจริง ๆ อาชีพนี้มีหลากหลายแบบมาก บางคนเขานั่งอยู่ที่พื้นแล้วก็แค่แบบแค่รอให้คนมา ในขณะที่บางคนแบบว่ามาค่ะ เราก็ต้องถามว่าโบตั๋นเป็นแบบไหน คือก้อยรู้สึกว่าตัวละครโบตั๋นเป็นตัวละครที่เขาต่อสู้ แล้วเขารู้ว่าเขาทำสิ่งนี้มาเพราะเป็นเหมือนอาชีพหนึ่งที่เขาต้องทำ เพราะฉะนั้นเขาต้องต้องใช้เรือนร่างของเขาให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ได้มา แล้วเขาก็รู้สึกว่าเราเกิดมาแบบนี้ก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด”

ท้าทายไหมเพราะว่ามีการเต้นด้วย?

“หนูพูดมาตลอดว่าเต้นเดียวที่ถนัดคือเต้นกับเพื่อน เต้นเที่ยว เต้นไปเรื่อย แต่ว่าอันนี้พอมันจริงจังก็ท้าทาย แต่ถามว่ายากไหม ยากมากเลย ด้วยกล้ามเนื้อแล้วหนูเป็นคนเส้นตึงมาก ด้วยกล้ามเนื้อด้วย ด้วยเพลง ด้วยสไตล์ด้วย แต่สิ่งเดียวที่ทำได้คือฝึกและตั้งใจ แล้วหนูไม่รู้หนูก็ถามน้องเลย ชาร์เลทพี่ว่าท่านี้พี่ทำแปลกมากน้องทำให้พี่ดูหน่อย กล้ามเนื้อจัดการยังไง ก้อยรู้สึกว่าสมมุติว่าร้องก้อยจะถามฟ้า ฟ้าพี่ร้องแล้วแปลก ๆ มีทีมที่ดี แล้วมันซัพพอร์ตกัน”

เชิญชวนให้คนมาติดตามหน่อย?

“เชื่อว่านี่คือมิติใหม่ของซีรีส์ไทยแล้วก็ ถ้าสำหรับตัวก้อยก้อยคิดว่านี่เป็นอีกคาแรกเตอร์หนึ่งที่ทุกคนไม่เคยเห็นแน่นอน เพราะฉะนั้นก็ฝากด้วยสำหรับซีรีส์บางกอกคณิกา ออนวันที่ 8 พฤษภาคม สองทุ่มครึ่ง พุธ-พฤหัส ทางช่องวัน”

พี่นิกกี้อวยพรวันเกิดเป็นยังไงบ้าง?

“จริง ๆ ก็ตามนั้นเลย ก้อยรู้สึกว่า สิ่งที่ก้อยโพสต์ไปพิมพ์ไปก็ค่อนข้างชัดเจนในสิ่งที่ตัวก้อยพูดอยู่แล้ว อะไรที่มันไม่ชัดเจนหรือมันมีอะไรที่สงสัย ก็ขอเป็นตัวก้อยคุยกับพี่นิกกี้เองแล้วกัน แต่ว่าสำหรับก้อยก้อยรู้สึกว่าจุดยืนค่อนข้างชัดเจน”

ตัดสินใจนานไหมกับสิ่งที่โพสต์?

“ก้อยว่าตีความได้หลายแบบ ก้อยรู้สึกว่าไม่อยากห้ามให้คนตีความแบบไหนแล้วแต่จะคิดเลย แต่ว่าก้อยว่าแมสเสจที่เลือกที่จะพิมพ์เข้าไปที่ส่งไปถึงพี่นิกกี้ ก้อยว่าเขาได้รับ แล้วก็เราเป็นเพื่อนกัน อะไรที่มันนอกเหนือไปกว่านั้นก้อยก็ได้คุยกับเขาอยู่แล้ว”

แสดงว่าจะไม่มีการรีเทิร์น?

“ถ้าคำไหนที่ก้อยไม่ได้เลือกพูดแสดงว่าก้อยอึดอัดที่จะพูดคำนั้น เหมือนก้อยไม่ชอบจะพูดอะไรที่มันแรงเกิน ไม่อยากให้มันเหมือนมาบีบรัดเราที่จะต้องพูดคำนั้น แต่จริง ๆ แล้วในความหมายของสิ่งที่ก้อยพิมพ์ไปถ้าพี่จะตีความแบบนั้นส่วนตัวก้อยคิดว่าไม่ได้ผิด แต่ว่าคงไม่ใช่คำที่ก้อยจะมาพูดว่า ไม่ค่ะจะไม่อย่างโน้นฉันจะไม่อย่างนี้ ก้อยรู้สึกว่าวิธีหรือการพูดของก้อยเท่านั้นคือสิ่งที่ก้อยอยากพูด”

คิดว่าพี่นิกกี้เข้าใจในสิ่งที่ก้อยโพสต์ ?

“พูดกันตรง ๆ การที่เราเลือกที่จะโพสต์ในที่สาธารณะ มันคือการที่ก้อยสเตทเม้น ถึงจุดยืนของก้อย ไม่ได้แค่บอกเขาแต่บอกทุกคน แต่อะไรที่ก้อยอยากบอกเขาก้อยบอกเขาเองอยู่แล้ว มันรู้อยู่แล้วการที่เราพิมพ์แบบนี้ทุกคนจะเห็นแบบเรา นั่นคือจุดที่ก้อยเลือกแล้วว่านั่นคือจุดยืนของเรา เพื่อที่คนจะได้ไม่กดดันเขาด้วยไม่กดดันเราด้วย แล้วก้อยรู้สึกว่าในความสัมพันธ์นี้จริง ๆ สำหรับก้อยมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก แต่มันก็คาราคาซังมานาน แล้วก็มีความไม่ชัดเจนในหลายๆอย่าง แค่รู้สึกว่าในวัย 30 ของก้อยแล้ว ก้อยอยากทำอะไรให้ความสัมพันธ์หรือการใช้ชีวิตของก้อยมันเรียบง่าย ไม่ต้องมาเอ๊ะยังไงกันแน่ ๆ แค่นั้นเอง”

ที่ผ่านมาคนกดดันว่าต้องกลับมาคบกันทำให้ใช้ชีวิตลำบากไหม?

“มันไม่ถึงกับกดดันหรอก แต่ว่าก้อยรู้สึกว่าก้อยเป็นคนที่เหมือนตั้งคำถามเเล้วต้องได้คำตอบกับตัวเอง ว่ากับสถานการณ์ตอนนี้เราควรเอายังไงกันแน่นะ กับระยะเวลาที่ผ่านมานานขนาดนี้ เราจะเอายังไงกันแน่ เราอยากแค่ก้าวไปในวัยที่โตขึ้นด้วยความชัดเจนกับตัวเองแค่นั้นเอง แล้วมันไม่ใช่แค่ชัดเจนกับตัวก้อย แต่มันเป็นการชัดเจนกับคนที่สำคัญคนหนึ่งในชีวิตของก้อย ก้อยก็เลยเลือกที่จะทำสิ่งนั้นแค่นั้นเอง”

รู้สึกยังไงกับคนที่เข้าใจผิดคิดว่าก้อยกับนิกกี้จะทำให้คนที่เข้ามาทำความรู้จักกับเราไม่กล้าเข้ามา?

“อ๋อ หนูไม่ได้สนใจตรงนั้นเลย หนูรู้สึกว่าเรื่องของหนูกับพี่นิกกี้มันเป็นเรื่องของหนูกับเขามาก ๆ ในขณะที่คนอื่นเขาจะเข้ามาแล้วเขาติดก็เป็นอะไรที่ห้ามความคิดของเขาไม่ได้อยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งไม่ว่าเขาจะเข้ามามาจากฝั่งไหนก็ตาม เป็นเรื่องที่เราจัดการเขาไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่หนูจะต้องห่วงแทนเขาแต่เป็นสิ่งที่เขาอาจจะต้องจัดการตัวเอง เพราะว่าหนูว่าความสัมพันธ์นี้ของหนูกับพี่นิกกี้มันค่อนข้างชัดเจนมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้หนูแค่รู้สึกว่าหนูไม่ได้คิดสิ่งนี้เบสจากคนอื่น ไม่ได้คิดว่าคนจะมองเราว่ายังแบบนี้อยู่เลย ไม่ หนูแค่รู้สึกว่าตัวเราต้องการอะไรในชีวิตและเราอยากมอบอะไรให้เขาในชีวิต”

พี่นิกกี้เค้ามีฟีดแบ็คกลับมายังไง?

“เขาส่งหัวใจมาแล้วหนูก็ส่งหัวใจกลับ แล้วก็เหมือนเดิมถ้าเกิดสมมุติมีแบบน้องหมามีเรื่องครอบครัว คือคำที่หนูว่าจริง ๆ แล้วสำคัญและชัดที่สุดคือ เพราะคนนี้เป็นคนที่หนูห่วงมากที่สุดคนหนึ่งในชีวิต มันก็จะเป็นแบบนั้น แต่แค่มันจะถูกเปลี่ยนไปในรูปแบบอื่นแล้วแค่นั้นเอง”

ห่วงอะไรพี่นิกกี้ในฐานะที่เขาเป็นพี่เราที่สนิท?

“ก็เยอะ เช่นสงกรานต์หนูก็ถามว่าสติ แล้วหนูรู้สึกว่าการที่หนูถอยออกมาเป็นเพื่อนเขา พี่น้องเขาหนูพูดได้ตรงมาก เช่นไปสงกรานต์หัวแตกหนูก็ถามพูดจริงตายได้เลยนะ หนูก็จะบอกเขาอะไรแบบนี้ หรือแม้กระทั่งเรื่องใช้เงิน เรื่องทัศนคติ แต่มันคือการที่เราเตือน แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาเลือกแบบไหน จริง ๆ เห็นแบบนั้นเขาเป็นคนฉลาดนะ พี่นิกกี้เขารู้ว่าเขาจะเอาอะไรในชีวิตประมาณหนึ่ง เราแค่พูดในมุมที่เป็นห่วงเขาในบางเรื่องเฉย ๆ เรื่องสุขภาพหลัก ๆ แต่ว่าในเรื่องทางเลือกชีวิตหนูว่ามีเวย์ของเขาอยู่เเล้ว”

เหงาไหมเพราะเพื่อนมีแฟนกันหมดแล้ว?

“หนูว่าหนูเริ่มจัดการทุกอย่างได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เพื่อนก็ไปฮันนีมูนแล้ว แล้วก็พี่น่าจะเห็นว่าหนูทำงานเยอะมาก หนูรู้สึกว่าการที่หนูใช้พลังกับการที่ไปลงกับงาน หนูเพิ่งออกเพลง หนูเพิ่งทำนู้นทำนี่ หนูรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวและใช้เวลากับตัวเองมาก ๆ มันก็ฟินอีกแบบ แล้วมันก็มีเพื่อนโสดอีกเยอะที่ไม่ใช่แค่เรา ยังมีเพื่อนโสดอีกหลายคน (แต่เพื่อนในกลุ่มมีแฟนหมดทุกคนแล้วนะ?) ยังๆกลุ่มเรามีคนที่ยังไม่มีอยู่เป็นLGBTQ แต่ก้อยว่าก้อยมีแม่ ก้อยมีหมา ก้อยมียาย ก้อยมีอะไรหลายๆอย่างที่ก้อยว่ามันทำแล้วก็ คือถ้ามันมีก็ดี แต่ว่าไม่มีก้อยก็ว่ามีก้อยมีโฟกัสมีอะไรทำ”

มีคนเข้ามาบ้างไหม?

“ก็คงมีบ้างแต่ถามว่าก้อยจริงจังแล้วก็อยากรีบมีแฟนไหม ก้อยบอกเลยว่ายัง”

อยู่ท่ามกลางพลังความรักสูง ๆ รู้สึกยังไงบ้าง?

“คือถ้าติดลำนะจะเป็นฝั่งวีกับเก้า เพราะบ้านนั้นเขาจะเป็นบ้านที่แบบอุ๊ยวันนี้เธอสวยจังเลยเธอก็หล่อจังเลยชมกันอยู่นั่น ในขณะที่ดรีมกับมีนจะค่อนข้างปกติจะใช้ชีวิตง่าย ๆ โดยส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนก็จะมีความสุข เพราะว่าก้อยไม่ได้ทรีตเขาเหมือนเป็นแฟนกัน แต่ว่าทั้งมีนแล้วก็เก้าเป็นเพื่อนก้อยอยู่แล้ว ก็เลยจอย”

แสดงว่าตอนนี้แฮปปี้กับชีวิตโสด ?

“แฮปปี้ๆ คือถ้ามีเข้ามาคุยกันรู้เรื่องก็ดีไม่ใช่ว่าแบบฉันจะครองโสดไปตลอด แต่ณวันนี้มันยังไม่ได้มีอะไรที่ชัดเจน ก้อยก็รู้สึกว่าแบบนี้โอเคแฮปปี้ดี”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image