เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี พ.ต.อ.ศิลปชัย มีช่วย ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี นำตัวนายบัณฑิต วงศ์ทองดี อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์มาแถลงข่าวพร้อมของกลางพระพุทธรูปบูชาและเครื่องเบญจรงค์จำนวนหลายรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน เมื่อนายอุดมเกียรติ กิตติพลภักดี อายุ 53 ปี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ชาติ เตชนันท์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี ว่ามีคนร้ายคาดว่าน่าจะเป็นนายบัณฑิต ผู้เป็นลูกเขย เข้าไปขโมยพระพุทธรูปบูชาและเครื่องเบญจรงค์เก่าแก่ของนายเกษม กิตติพลภักดี บิดาของตนซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ภรรยา ตั้งอยู่ภายในห้องพระหายไปจำนวนมาก ต่อมาเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พ.ต.ท.นิพนธ์ เลิศพลรัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเพชรบุรี พ.ต.ท.วัชระ ไชยวานิช สว.สส.สภ.เมืองเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี สามารถจับกุมตัวนายบัณฑิตได้ขณะเดินอยู่หน้าบ้านที่ก่อเหตุ
จากการสอบสวน นายบัณฑิตรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง ทำมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยได้ใช้ไขควงไขบานพับประตูห้องพระของนายเกษม ซึ่งเป็นปู่ของภรรยาเข้าไปขโมยพระพุทธรูปออกมาครั้งละ 1-2 องค์ เสร็จแล้วไขบานพับประตูให้อยู่อย่างปกติเพื่อตบตานายนายเกษมที่นอนป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่ภายในบ้าน จากนั้นได้นำพระและเครื่องเบญจรงค์ไปขายให้แก่คนรู้จักในพื้นที่บ้านโรงเข้ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ในราคาชิ้นละ 1-2 พันบาท เงินที่ได้มาจะนำไปซื้อยามาเสพและนำไปเที่ยวเตร่ กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปขยายผลตรวจค้นภายในเขตพื้นที่บ้านโรงเข้ พบทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมไปจำนวนหลายรายการ ประกอบด้วยพระรูปเหมือนหลวงพ่อคูณ 1 องค์ หลวงปู่ทวด 1 องค์ พระบูชา 7 องค์ รูปหล่อเจ้าแม่กวนอิม 1 องค์ กาน้ำกระเบื้อง 1 ชิ้น แจกันกระเบื้อง 1 ลูก โถกระเบื้อง 17 ชุด และถ้วยกระเบื้อง 1 ใบ รวมมูลค่าหลายหมื่นบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
