วันที่ 25 มกราคม ที่จ.ยโสธร พล.ต.ต.พัชระ จันทบาล ผบก.ภ.จว.ยโสธร พ.อ.วีระยุทธ รักศิลป์ ผบ.ร.๑๖ พ.ต.อ.เศวก โพนทัน ผกก.สส.ภ.จว.ยโสธร พ.ต.อ.ชัยณรงค์ บุญด้วง ผกก.สภ.เมืองยโสธร,พ.ต.อ.ณรงค์ สายโน ผกก.สภ.คำเขื่อนแก้ว,พ.ท.กล้าณรงค์ วิสุตกุล ผบ.ร.16 พัน.2 ได้บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองยโสธร สภ.คำเขื่อนแก้ว กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยโสธรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จับกุมนายธีระพงษ์ หรือต๋า สร้อยเพชร อายุ 27 ปี ที่อยู่ 117 ถ.ประชาสันติ ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ต้องหาคือ นายทินกร หรือมั้ย บุญเรือง อายุ 28 ปี ที่อยู่ 1/6 หมู่ 25 ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และนายอนุชิต หรือเจมส์ จันเครือ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 288 หมู่ 19 ต.โพธิ์ไทร อ.พิมูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง รถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน สีน้ำตาง ทะเบียน กย 5998 อุบลราชธานี จำนวน 1 คัน โดยจับกุมได้วันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา เวลา 23.15 น. ที่ริมถนนแจ้งสนิทฝั่งตรงข้ามปากทางเข้าหมู่บ้านเขื่องคำ ต.เขื่องคำ อ.เมือง จ.ยโสธร ต่อเนื่องไปจนถึง ริมถนนแจ้งสนิทบริเวณ หน้าโรงเรียนคำเขื่อนแก้ว ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดของกลุ่มผู้ต้องหามาเป็นระยะเวลาหนึ่งจนทราบว่ากลุ่มดังกล่าวจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาส่งให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและยังลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านจังหวัดยโสธร โดยบางครั้งก็จะส่งมอบยาเสพติดให้แก่ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดยโสธรด้วย ซึ่งมักจะส่งมอบยาบ้ากันโดยวิธีชะลอหรือจอดรถยนต์แล้ววางยาเสพติดไว้ตามจุดสังเกตุต่างๆบริเวณริมถนนป้ายบอกทาง หลักกิโลเมตร โดยทำทีเป็นคนทิ้งถุงขยะไว้ตามริมถนนข้างทาง
กระทั่งตามวันเวลาที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบพบรถยนต์เก๋ง ทะเบียน กย 5998 อุบลราชธานี ขับมาตาม ถ.แจ้งสนิทและจอดที่ป้ายบอกทางตรงข้ามปากทางเข้าบ้านเขื่องคำ แล้วหนึ่งในผู้ต้องหานำยาบ้าของกลางมาวางเพื่อส่งมอบให้เครือข่าย จากนั้นเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุมแต่คนร้ายรู้ตัวขับรถหลบหนีไปตามเส้นทาง ถ.แจ้งสนิท มุ่งหน้า อ.คำเขื่อนแก้ว กระทั่งพบจุดสกัดของเจ้าหน้าที่และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา”ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
