คลิปปิดตามัดมือทำโทษเด็กนักเรียนอนุบาล ขณะ ผอ.โรงเรียนออกมาชี้แจง เป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่มีการทำร้ายเด็กแต่อย่างใด ภาพที่ออกมาเป็นการสอนเชิงสมมุติ พร้อมขอโทษสังคมและเตรียมหารือผู้ปกครอง
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคลิปปิดตามัดมือทำโทษเด็กนักเรียนอนุบาล ซึ่งโลกโซเชี่ยลได้มีการแชร์โพสต์ดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง พร้อมข้อความแสดงความคิดเห็นไปต่างๆนานานั้น ล่าสุดวันนี้ (22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ยังโรงเรียนบ้านสำโรง ม.10 ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเข้าพบนายประทักษิณ เครือผือ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสำโรง
นายประทักษิณ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการเข้าใจผิด โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อตอนเที่ยงเด็กอนุบาลกินข้าวก่อนเด็กมัธยมจึงมีเวลาว่างแล้วมาเล่นบริเวณอาคารเด็กมัธยม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน โดยเด็กอนุบาลได้นำกระดาษซึ่งเป็นงานที่รุ่นพี่ทำส่งครูมาเล่น ครูคนนั้นจึงบอกกับเด็กว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ ด้วยน้ำเสียงธรรมดา ไม่มีการดุด่าหรือทำร้าย และให้พี่ม.3 สาธิตการถูกตำรวจจับให้เด็กอนุบาลดู โดยการนำผ้าเทปมาพันที่มือน้องอนุบาล เพื่อให้รู้ว่าถ้าโดนใส่กุญแจมือจะเป็นอย่างนี้ และให้รุ่นพี่นำกระดาษทิชชูมาปิดตาและเอากระดาษกาวหย่นติดไว้ จากนั้นก็บอกว่าต่อไปอย่าทำอีกนะ แล้วให้รุ่นพี่พาน้องไปส่งที่ห้องอนุบาล และบอกคุณครูประจำชั้นด้วยว่าน้องอนุบาลมีความผิดอย่างไร โดยรุ่นพี่ลืมแกะผ้าเทปออก เมื่อครูชั้นอนุบาลเห็นจึงถ่ายรูปไว้
นายประทักษิณ กล่าวอีกว่า ได้คุยกับผู้ปกครองแล้วคนหนึ่ง ซึ่งเข้ามารับเด็กและเห็นลูกตัวเองโดนมัดมือ พร้อมสอบถามครูประชั้นถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ครูก็ได้เล่าให้ฟังจนเป็นที่เข้าใจ ไม่ติดใจเอาเรื่องเอาความแต่อย่างใด ซึ่งรูปที่ปรากฏเป็นภาพเด็กนอนลงคล้ายบาดเจ็บ จริงๆแล้วไม่มีการทำร้ายแต่อย่างใด
ผอ.โรงเรียนบ้านสำโรง เล่าต่อว่า ตามที่ตนได้สอบถามมาทั้งหมด เรื่องที่เกิดขึ้น ตนถือว่าเป็นการสอนเด็กธรรมดา อยากจะขอโทษผู้ปกครองและทุกคนทั่วประเทศที่ได้ดูภาพ ให้เข้าใจในเจตนาของครูที่ต้องการสอนเด็ก และขอโทษทุกภาคส่วนที่เห็นภาพนี้แล้ว ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ขอยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด
ด้านนางสาวอรุณรัตน์ เสงี่ยมทรัพย์ มารดาของน้องอนุบาล เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องต้นได้คุยกันบ้างแล้วกับทางโรงเรียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่ได้มีการเอาความแต่อย่างใด ซึ่งจะนัดพูดคุยกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้(23 ก.พ.2560)ที่โรงเรียนบ้านสำโรง เพื่อหาข้อยุติ ซึ่งผู้เป็นแม่พูดทั้งน้ำตาว่าเห็นภาพลูกตนเองในลักษณะดังกล่าวมันไม่สามารถรับได้
