ยูโร 2016 กลุ่มดี ‘กระทิง’เจอของแข็ง ‘เช็ก-โครแอต-ตุรกี’มีลุ้นทุกทีม

ผ่านไปแล้วครึ่งทางสำหรับการเคาต์ดาวน์เข้าสู่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2016 กลุ่มต่อไปคือกลุ่มที่สื่อหลายสำนักต่างมองว่าเป็น “กรุ๊ป ออฟ เดธ” สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้

เริ่มต้นกันที่ แชมป์เก่า “กระทิงดุ” สเปน ที่ดูจะเสียรังวัดไปพอสมควรกับการตกรอบแรก ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลอย่างหมดสภาพ เก็บชัยชนะได้เกมเดียวจากบ๊วยของกลุ่มอย่างออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม ในเวทีฟุตบอลยุโรป กระทิงดุยังคงดีกรีแชมป์เก่า 2 สมัยซ้อน และเป็นทีมที่ครองแชมป์มากที่สุดร่วมกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่ 3 สมัย

ทีมกระทิงดุผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่มซี โดย 10 นัดชนะถึง 9 และแพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้น รวมไปถึงผลงานในเกมรับที่ยอดเยี่ยม เสียเพียง 3 ประตูเท่านั้น!

Advertisement

หลังจากการโรยราไปของทีมชุดที่ช่วยกันคว้าแชมป์เมเจอร์ 3 รายการติดต่อกันอย่าง ชาบี้ เอร์นานเดซ, ดาบิด บีญ่า และ การ์เลส ปูโยล แต่ใน 23 ขุนพลกระทิงดุชุดนี้ ก็ยังมีผู้เล่นที่มีประสบการณ์และผ่านเกมใหญ่มาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็น เชสก์ ฟาเบรกาส, อันเดรียส อิเนียสต้า หรือ เซร์คิโอ รามอส

ขณะเดียวกันกระทิงดุตัวนี้ก็สามารถสร้างดาวรุ่งดวงใหม่ๆ ขึ้นมาประดับทีมได้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ดาบิด เด เคอา นายทวารที่น่าจะยึดมือ 1 ได้ในทัวร์นาเมนต์นี้, อัลบาโร่ โมราต้า กองหน้าวัยหนุ่ม และ โกเก้ กองกลางที่พา “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปีนี้ได้สำเร็จ

ในช่วงที่ผ่านมาทีมกระทิงดุลงเล่นเกมอุ่นเครื่องไปแล้วถึง 2 เกม ซึ่งก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันถล่มเอาชนะบอสเนีย 3-1 และเกาหลีใต้ 6-1

Advertisement

พร้อมทั้งมีการแจ้งเกิดดาวเตะตัวใหม่ที่คาดว่าจะเป็นความหวังให้กับทีมชุดนี้อย่าง โนลิโต้ หน้าต่ำวัย 29 ปี จากสโมสรเซลต้า บีโก้ ที่ยิงไปถึง 4 ประตูจาก 2 เกมที่ผ่านมา

แต่ปัญหาของทีมชุดนี้คงจะอยู่ที่กองหน้าตัวเป้าที่กุนซือ บีเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือใหญ่วัย 65 ปี เลือกมาเพียง 2 คนเท่านั้น คนหนึ่งคือดาวรุ่งอย่างโมราต้า ส่วนอีกคนก็เป็นจอมเก๋าอย่าง อาริตซ์ อาดูริตซ์ กองหน้าวัย 35 ปี จากแอธเลติค บิลเบา

อย่างไรก็ตาม ทีมกระทิงดุยังคงเป็นทีมที่มีข้อกังขาอยู่ว่าเป็น “หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม” หลายๆ ครั้งที่ทีมมักจะทำผลงานได้ดีในรอบคัดเลือก หรืออุ่นเครื่องต่างๆ แต่เมื่อถึงทัวร์นาเมนต์จริงๆ แล้วมักจะทำผลงานไม่ได้ตามฟอร์มของตัวเอง อีกทั้งในระยะหลัง เริ่มมีหลายฝ่ายมองว่า เดล บอสเก้ ในวัย 65 ปี เริ่มหมดมุกในการคุมทีมแล้ว

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของสเปนคือการครองเป็นเจ้าแห่งฟุตบอลยุโรป ด้วยการคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน พร้อมกับทะยานเป็นแชมป์สูงสุดที่ 4 สมัยให้ได้

รวมไปถึงการเรียกขวัญและกำลังใจของทีม ก่อนจะไปทวงความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลโลก อีก 2 ปีข้างหน้า!

…แต่อันดับแรกคงต้องให้เพื่อนร่วมกลุ่มเป็นผู้ตอบก่อน

ทีมต่อมาคือ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย หนึ่งในทีมแข็งแกร่งของยุโรปซึ่งตั้งแต่แยกตัวจากยูโกสลาเวียเมื่อปี 1992 ทีมตาหมากรุกพลาดการเข้ารอบสุดท้ายเพียงครั้งเดียวคือปี 2000 เท่านั้น มาครั้งนี้โครเอเชียผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอช แพ้คู่แข่งเพียงเกมเดียวเท่านั้น

ทีมของ อันเต้ ซาซิช เฮดโค้ชวัย 62 ปี ยังคงนำโดย ดาริโย่ เซอร์น่า กัปตันทีมวัย 34 ปี ที่ยังคงเป็นที่พึ่งของลูกทีมได้ โดยเฉพาะในเรื่องของลูกตั้งเตะ นอกจากนี้ยังมี อีวาน ราคิติช จอมทัพของบาร์เซโลน่า, อีวาน เปริซิช กองกลางดาวซัลโวของทีมในรอบคัดเลือก

อย่างไรก็ตาม ทีมชุดนี้จะขาด เดยัน ลอฟเรน กองหลังจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่กลับมาฟอร์มดีในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่กลับมีปัญหากับเฮดโค้ชจนถูกตัดออกจากทีม ทำให้ต้องลองใช้บริการของ ติน เย็ดวาย ปราการหลังดาวรุ่งจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

โครเอเชียมักจะทำได้ดีที่สุดเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งครั้งนี้ เป้าหมายคือจะต้องไปให้ไกลกว่าเดิมให้ได้

อีกทีมหนึ่งคือ สาธารณรัฐเช็ก ทีมขาประจำของศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปที่สามารถผ่านเข้าไปเล่นได้ทุกครั้ง แถมยังมีผลงานยอดเยี่ยมผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้เมื่อปี 1996 ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเช็ก

มาครั้งนี้เช็กยังคงสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก ด้วยการเอาชนะ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ไป-กลับ พร้อมกับถีบทีมกังหันตกรอบคัดเลือกไปอย่างพลิกความคาดหมาย

ทีมของ พาเวล เวอร์บา กุนซือวัย 52 ปี อุดมไปด้วยนักเตะที่มีประสบการณ์สูง และยังรั้งอันดับ 3 ของทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุสูงสุดคือ 29.2 ปี นำโดยกัปตันทีมอย่าง โทมัส โรซิคกี้ จอมทัพจอมเก๋าวัย 35 ปี ที่น่าจะเป็นยูโรครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว เช่นเดียวกับ ปีเตอร์ เช็ก นายทวารจอมหนึบวัย 34 ปี ซึ่งจะใช้ประสบการณ์ในการนำลูกทีมครั้งนี้

สาธารณรัฐเช็กอาจจะไม่ใช่ทีมที่มีดาวดังล้นทีม แต่ก็เป็นทีมที่เล่นด้วยทีมเวิร์ก และมักจะทำผลงานได้ดีเสมอในรอบสุดท้าย จึงถือว่าเป็นทีมที่ไม่สามารถประมาทได้เลย

ทีมสุดท้ายของกลุ่มนี้คือ ตุรกี ซึ่งสามารถกลับมาเล่นในรอบสุดท้ายได้อีกครั้ง หลังจากพลาดไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด จากกลุ่มเอ ซึ่งเป็นการโคจรมาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันกับสาธารณรัฐเช็กอีกครั้งเช่นกัน

ด้วยการนำของขรัวเฒ่าอย่าง ฟาห์ติ เตริม ที่มาคุมทีมเป็นคำรบ 3 ตั้งแต่ปี 2013 นำทีมมาในครั้งนี้ด้วยการผสมผสานทั้งผู้เล่นที่มีประสบการณ์อย่าง อาร์ดา ตูราน จอมทัพของทีมที่รับบทกัปตันด้วย, บูรัก ยิลมาซ กองหน้าจอมเก๋า และ นูริ ซาฮิน เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญ ขณะที่ดาวรุ่งก็มีหลายคนทั้ง ฮาคาน คาฮาลโนกลู ดาวรุ่งจากเลเวอร์คูเซ่น

แม้จะดูเป็นทีมที่อ่อนที่สุดในกลุ่ม แต่ตุรกีก็มักจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้บ่อยครั้ง ก็น่าจะสามารถเบียดกับเพื่อนร่วมกลุ่มได้เช่นกัน

สำหรับกลุ่มนี้ต้องยอมรับว่าเป็นกลุ่มที่คาดเดาได้ยากว่าใครจะสามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ เพราะแต่ละทีมดูไม่ต่างกันมาก จะเหนือกว่าคือสเปน แต่ก็ไม่เหนือกว่ามากนัก และยังมองว่าอาจจะเป็นกลุ่มที่มีเข้ารอบได้ถึง 3 ทีมเช่นกัน

ซึ่งทุกทีมมีโอกาสทั้งหมด

โปรแกรมการแข่งขันกลุ่มดี

12 มิถุนายน
20.00 น. ตุรกี พบ โครเอเชีย

13 มิถุนายน
20.00 น. สเปน พบ สาธารนรัฐเช็ก

17 มิถุนายน
23.00 น. สาธารนรัฐเช็ก พบ โครเอเชีย
02.00 น. สเปน พบ ตุรกี

21 มิถุนายน
02.00 น. โครเอเชีย พบ สเปน
02.00 น. สาธารณรัฐเช็ก พบ ตุรกี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image