ยูโร2016 กลุ่มเอฟ – ‘โปรตุเกส’ไม่(น่า)พลาดแชมป์กลุ่ม ‘ไอซ์แลนด์’ขอมีเซอร์ไพรส์

ภาพ AFP

มาถึงกลุ่มเอฟซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายของบทวิเคราะห์โหมโรงก่อนการแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2016 จะเปิดฉาก

ทีมเต็งของกลุ่มนี้ย่อมไม่พ้น โปรตุเกส ทีมอันดับ 5 ของโลก ที่มีซุปเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งยังสดใหม่มาจากการช่วย รีล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่งท้ายฤดูกาล

กัปตันทีมชาติโปรตุเกสขาดอีกเพียง 2 นัด ก็จะทาบสถิติการลงสนามสูงสุด 127 นัดให้ทีมชาติโปรตุเกสซึ่ง หลุยส์ ฟิโก้ ตำนานของประเทศเคยทำไว้ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีโอกาสดี (พอๆ กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ของสวีเดน) ที่จะกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ซึ่งยิงประตูในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้ถึง 4 สมัย โดยโรนัลโด้ทำมาแล้ว 6 ประตูจากการลงสนาม 3 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งยังมีสิทธิทาบหรือลบสถิติยิงประตูงสูงสุดของ มิเชล พลาตินี่ นโปเลียนลูกหนังชาวฝรั่งเศสที่เคยทำไว้ 9 ประตูด้วย

โปรตุเกสชุดนี้ถือว่ามีประสบการณ์สูงทั้งแนวรุกและแนวรับ ขณะที่กองกลางก็มีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลาย โดย เรนาโต้ ซานเชส กองกลางชาวเบนฟิก้าวัย 18 ปี ที่เตรียมเซ็นสัญญากับบาเยิร์น มิวนิก อาจได้รับโอกาสให้แจ้งเกิดหลังจากตัวหลักอย่าง ติอาโก้ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ต่างมีปัญหาบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไป นอกจากนี้ยังมีดาวรุ่งอย่าง วิลเลียม คาร์วัลโญ่ ของสปอร์ติ้ง เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปชุดยู-21 อีกหนึ่งตัวที่พร้อมใช้งาน

Advertisement

แต่จุดอ่อนของโปรตุเกสชุดนี้คือการขาดผู้เล่นศูนย์หน้าธรรมชาติ หน้าที่ในการล่าตาข่ายคู่ต่อสู้จึงต้องเป็นพาระของโรนัลโด้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยคาดว่ากุนซือ แฟร์นานโด ซานโตส จะจัดแผน 4-3-3 ให้โรนัลโด้เป็นตัวฟรีในแดนหน้า และให้ เจา มูตินโญ่ ห้องเครื่องจากโมนาโก คุมแดนกลาง ส่วนแถวหลังมี 3 ประสาน เปเป้, บรูโน่ อัลเวส และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ในเกมใหญ่ๆ มาอย่างโชกโชน

โปรตุเกสผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มไอในรอบคัดเลือก ลงสนาม 8 นัด ชนะถึง 7 แพ้เพียงนัดเดียว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือจำนวนประตูยิงได้ซึ่งทำได้เพียง 11 ลูก ยืนยันถึงปัญหาการจบสกอร์ของทีมได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับคู่แข่งร่วมกลุ่ม อย่างไรเสียโปรตุเกสของโรนัลโด้ย่อมมีภาษีดีที่สุดในการเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม จากนั้นจึงหวังไปให้ไกลยิ่งกว่าผลงานการเข้ารอบสุดท้าย 6 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาคว้าอันดับ 3 มา 3 ครั้ง และรองแชมป์ 1 ครั้งในปี 2004 ซึ่งเป็นความทรงจำเจ็บปวดจากการปราชัยให้กรีซในฐานะเจ้าภาพ

Advertisement

สำหรับทีมที่มีอันดับรองจากโปรตุเกสในกลุ่มนี้คือ ออสเตรีย ทีมอันดับ 10 ของโลกซึ่งผ่านเข้ารอบมาได้อย่างสวยงามด้วยการครองแชมป์กลุ่มจี พร้อมผลงานชนะ 9 นัด เสมอ 1 นัด เป็น 1 ใน 4 ทีมที่ทำสถิติไม่แพ้ใครในรอบคัดเลือกที่ผ่านมาทั้งที่อยู่ร่วมกลุ่มกับทีมมีชื่ออย่างรัสเซียและสวีเดน

ทั้งที่เพิ่งเป็นการเข้ารอบสุดท้ายครั้งที่ 2 ของพลพรรคนักเตะออสเตรีย จากที่เคยเข้ารอบหนเดียวเมื่อปี 2008 ในฐานะเจ้าภาพร่วมกับสวิตเซอร์แลนด์ และตกรอบแบ่งกลุ่มโดยเอาชนะใครไม่ได้เลย แต่ด้วยฟอร์มดุดันในรอบคัดเลือกซึ่งถลุงประตูคู่แข่งได้ถึง 22 ลูก และเสียเพียงแค่ 5 ทำให้สื่อและแฟนบอลเพื่อนร่วมชาติคาดหวังผลงานจากทีมชุดนี้ค่อนข้างมากว่าจะผ่านรอบแรกเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

กุนซือ มาร์เซล โคลเลอร์ สร้างทีมออสเตรียชุดนี้ให้มีจุดเด่นตรงเกมรับ นำโดย 2 มิดฟิลด์ตัวรับที่มีประสบการณ์ค้าแข้งในบุนเดสลีก้าอย่าง ดาวิด อลาบา ของบาเยิร์น มิวนิก และ จูเลียน บวมการ์ตลินเกอร์ ของไมน์ซ อลาบานั้นเล่นในตำแหน่งกองหลังให้เสือใต้ แต่ขยับมายืนกองกลางในระดับทีมชาติ จุดเด่นของแข้งหนุ่มวัย 23 ปี คือสายตาการอ่านเกม และความสามารถในการยิงไกลจากแถวสอง ซึ่งน่าจะช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้ดี

เนื่องด้วยออสเตรียไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ มากนัก ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงขาดประสบการณ์ในแมตช์สำคัญๆ และปัจจุบันมีผู้เล่นที่ยังหลงเหลือจากชุดลุยยูโรรอบสุดท้ายเมื่อ 8 ปีก่อนติดทีมมาแค่เพียง 5 คน กระนั้นกุนซือชาวสวิสก็ยังเชื่อว่าพวกเขามีโอกาสทะลุเข้าถึงรอบน็อคเอาต์ได้

ที่น่าสนใจคือผลงานในเกมอุ่นเครื่องก่อนทัวร์นาเมนต์ของออสเตรียไม่ค่อยสู้ดีนัก จากที่เคยมั่นใจว่าน่าจะเข้ารอบได้แบบไม่ยากเย็น อาจต้องลุ้นเหนื่อยขึ้นโดยมีเพื่อนร่วมกลุ่มอีก 2 ทีมเป็นตัวแปร

ฮังการี เพื่อนบ้านใกล้ชิดของออสเตรียเคยเป็นทีมใหญ่ที่เกรียงไกรในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของดาวยิง เฟเรนก์ ปุสกัส แต่หลังจากเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2 ครั้ง เมื่อปี 1968 และ 1972 แล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปแข่งอีกเลยจนกระทั่งปีนี้ซึ่งถือว่าผ่านเข้ารอบมาแบบทุลักทุเลพอตัว หลังจบอันดับ 3 ของกลุ่มเอฟเป็นรองไอร์แลนด์เหนือกับโรมาเนียในรอบคัดเลือก และดวลเพลย์ออฟชนะนอร์เวย์ด้วยผลรวม 3-1 ประตู

ในการแข่งขันรอบคัดเลือก ฮังการีต้องเปลี่ยนโค้ชถึง 3 คนกว่าจะมาลงตัวที่ แบร์นด์ สตอร์ค กุนซือชาวเยอรมันซึ่งเป็นโค้ชต่างชาติคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ 114 ปีของทีมชาติ แต่ว่ากันว่าฮังการีอาจจะพอใจแค่การเข้ารอบสุดท้ายมาได้หลังห่างหายมานานถึง 44 ปีเต็ม หลังจากนี้ถือเป็นโบนัส ทำให้เล่นอย่างไม่กดดัน และอาจมีเซอร์ไพรส์ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพบกับเพื่อนบ้านที่รู้ทางกันดีอย่างออสเตรียซึ่งดวลแข้งกันมาถึง 136 นัดในอดีต

ส่วนทีมสุดท้ายที่เข้ารอบมาแบบเซอร์ไพรส์คือ ไอซ์แลนด์ ประเทศเกาะเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 3 แสนคนเศษ

ไอซ์แลนด์ทำเซอร์ไพรส์เป็นรองแชมป์กลุ่มเอ มีสถิติชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 2 ซึ่งในจำนวนนี้คือการเอาชนะยอดทีมอย่างเนเธอร์แลนด์ทั้งไปและกลับรวม 3-0 ประตู!

เช่นเดียวกับทีมเล็กๆ ที่ผู้เล่นเป็นรองส่วนใหญ่ สไตล์ของทีมชาติไอซ์แลนด์คือการเน้นตั้งรับบวกกับทีมเวิร์กและขวัญกำลังใจอันเต็มเปี่ยม ยืนยันด้วยการเสียประตูให้คู่แข่งเพียง 6 ลูกในรอบคัดเลือก และมีสถิติคลีนชีตหรือไม่เสียประตูให้คู่แข่งถึง 6 นัด

ด้วยข้อจำกัดด้วยจำนวนประชากรทำให้โค้ชคนคู่ ลาร์ส ลาเกอร์บัค กับ ไฮเมียร์ ฮัลกริมสัน มีตัวเลือกในทีมไม่มากนัก กระนั้นก็ยังมีเพชรน้ำงามอย่าง กิลฟี่ ซิกูร์ดสัน กองกลางสวอนซี ซิตี้ ซึ่งเชี่ยวชาญลูกตั้งเตะ กับ อารอน กุนนาร์สสัน กองกลางคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เป็นกำลังสำคัญ

ไอซ์แลนด์พร้อมจะชนกับคู่แข่งแกร่งๆ ทุกทีมด้วยเกมรับอันแข็งแกร่ง จากนั้นพยายามพาบอลเข้าไปให้ใกล้ประตูอีกฝ่ายมากที่สุด ลุ้นให้ได้โอกาสฟรีคิกเพื่อหวังพึ่งความแม่นยำของซิกูร์ดสัน เรียกว่าเมื่อเทียบกับม้ามืดร่วมกลุ่มอย่างฮังการี ถือว่าไอซ์แลนด์ที่เพิ่งทำเซอร์ไพรส์ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ยังมีโอกาสลุ้นมากกว่าเสียอีก

แต่สุดท้ายจะลุ้นได้ไกลขนาดไหน คงต้องมาว่ากันอีกที

 

—————-
โปรแกรมกลุ่มเอฟ

14 มิถุนายน
23.00 น. ออสเตรีย พบ ฮังการี
02.00 น. โปรตุเกส พบ ไอซ์แลนด์

18 มิถุนายน
23.00 น. ไอซ์แลนด์ พบ ฮังการี
02.00 น. โปรตุเกส พบ ออสเตรีย

22 มิถุนายน
23.00 น. ไอซ์แลนด์ พบ ออสเตรีย
23.00 น. ฮังการี พบ โปรตุเกส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image