บงฌูร์ยูโร : โจทย์สิงโต

“สิงโตคำราม” “อังกฤษ” เก็บ 3 แต้มสำคัญในศึก “ยูโร 2016” หลังพลิกสถานการณ์เชือด “มังกรแดง” “เวลส์” 2-1 จากประตูสำคัญของตัวสำรอง “เจมี่ วาร์ดี้” และ “แดเนียล สเตอร์ริดจ์” ทำให้มี 4 แต้ม และมีโอกาสสูงในการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป

แต่กว่าจะเก็บชัยเหนือเวลส์ได้ต้องลุ้นจนถึงวินาทีสุดท้าย อันเนื่องมาจากความดื้อรั้นของกุนซือเฒ่า “รอย ฮอดจ์สัน” ที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนแทคติคจากเกมนัดแรกที่เสมอ “หมีขาว” “รัสเซีย” 1-1

ปู่รอยดื้อดึงที่จะส่ง “ราฮีม สเตอร์ลิ่ง” และ “อดัม ลัลลาน่า” ออกสตาร์ตตัวจริงทางริมเส้นซ้าย-ขวาเกมที่สองติดกัน ซึ่งรายของสเตอร์ลิ่งยังคงลากๆ เลื้อยๆ ไปอย่างติดๆ ขัดๆ เสียบอลง่าย จ่ายบอลไม่ตรง รวมถึงไอ้หนูราฮีมยังพลาดซัดจ่อๆ ข้ามคานไปอย่างช็อกโลก!

ส่วนรายของลัลลาน่าโดดเด่นด้วยลูกขยัน วิ่งกวดไล่แย่งบอล กระชากหนี และขึ้นเกมทางฝั่งขวาร่วมกับ “ไคล์ วอล์กเกอร์” ได้ดีพอสมควร แต่จังหวะสำคัญในการเปิดบอลและยิงประตูนั้น ไอ้หนุ่มอดัมยังคงทำได้ไม่ดีเช่นเดิม เหมือนกับการเล่นให้ “ลิเวอร์พูล”

Advertisement

ด้วยสถานการ์คับขันหลังตกเป็นรองเวลส์ 0-1 ทำให้ปู่รอยตัดสินใจเร็วแบบกระชากวัยด้วยการแก้เกมรุก ส่งวาร์ดี้ลงมาแทน “แฮรี่ เคน” และสเตอร์ริดจ์ลงมาแทนสเตอร์ลิ่ง แถมยังส่ง “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ดาวรุ่งวัย 18 ปีลงมาทำสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดของอังกฤษในศึกยูโร จนบดคว้าชัยในที่สุด แต่รูปแบบเกมยังค่อนข้างอึดอัด และไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร

วาร์ดี้น่าจะมีโอกาสได้เล่นร่วมกับเคน เพราะคู่นี้เป็นรองดาวซัลโว 24 ประตู และดาวซัลโว 25 ประตูของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งแม้เคนจะยังเค้นฟอร์มเก่งไม่ออกในศึกยูโร 2016 แต่เขาควรจะมีตัวช่วยมากกว่าการเล่นอย่างเดียวดาย

ขณะที่สเตอร์ริดจ์นั้นสร้างความวูบวาบเพิ่มมิติเกมรุกของสิงโตคำรามได้ดีพอสมควร แถมยิงประตูชัยได้ด้วย ซึ่งดูแล้วทั้งสเตอร์ริดจ์, วาร์ดี้ และเคน น่าเป็นตัวเลือกในแนวรุกที่ดีกว่าสเตอร์ลิ่ง และลัลลาน่า ทำให้โจทย์สำคัญของฮอดจ์สันคือการผสมผสานแข้งแนวรุกเหล่านี้ให้ลงตัวมากแค่ไหนในนัดสุดท้ายกับสโลวาเกีย

Advertisement

นัดชี้ชะตาการเข้ารอบต่อไป ไม่ใช่ว่าปู่รอยยังจะดื้อดึงส่งลูกรักสมัยคุมทีมลิเวอร์พูลอย่างสเตอร์ริ่งลงมาทำผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันอีกครั้ง แต่เขาควรจะเปิดโอกาสให้กับวาร์ดี้ที่มีความกระหายในการรับใช้ทัพทรี ไลออนส์ ลงมาสร้างสรรค์เกมคู่กับเคน แม้ว่าคู่นี้จะยังไม่เข้าขากันมากนักในการเล่นทีมชาติ แต่ทั้งคู่เคยเล่นร่วมกันมาแล้วกับทีม “เลสเตอร์ ซิตี้” เมื่อ 3 ปีก่อน

โจทย์ของทัพสิงโตคำรามครั้งนี้สำคัญยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพราะจะเป็นการตัดสินการเข้ารอบ และจะเป็นบทพิสูจน์ว่าอังกฤษจะโชว์ฟอร์มเก่งออกมากได้มากกว่านี้อีกไหม

เพราะหากทำได้แค่นี้โอกาสผ่านเข้าถึงรอบลึกก็คงเป็นไปได้ยาก!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image