แมตช์5ดาว : คอลัมน์ บงฌูร์ยูโร

ศึกยูโร 2016 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง “อัซซูรี่” อิตาลี อดีตแชมป์ปี 1968 พบ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี อดีตแชมป์ยุโรป 3 สมัย และแชมป์โลกทีมล่าสุด นับเป็นแมตช์ 5 ดาวระดับเวิลด์คลาสที่น่าจะเป็นแมตช์ชิงชนะเลิศกันมากกว่าที่จะมาเจอกันเพียงรอบนี้

ตั้งแต่เริ่มเกม ทั้งสองทีมต่างสู้กันด้วยแทคติคของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซืออัซซูรี่ และ โยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ ซึ่งต่างศึกษารูปแบบการเล่นกันและกันมาอย่างละเอียดถี่ยิบทุกวินาที และเตรียมแผนรับมือกันไว้ช็อตต่อช็อต เพราะคาดกันไว้แล้วว่าหากมาได้ตามนัดจะมาเจอกันในรอบ 8 ทีมนี้

คอนเต้วางแผนการเล่นระบบ 3-5-2 ตามแบบฉบับดั้งเดิมของอิตาลี ตรึงกำลังขึงเกมรับเหนียวแน่น และอาศัยจังหวะบุกโต้กลับเร็วลุ้นพังประตูจากความเร็วของ เอแดร์ และการพักบอลกลางอากาศของ กราเซียโน่ เปลเล่

ขณะที่เลิฟเปิดฉากครึ่งแรกด้วยแผน 4-4-2 และครองบอลบุกใส่ได้มากกว่าตามสไตล์ แต่ยังเจาะเกมรับอิตาลีไม่เข้า ทำให้ครึ่งหลังเลิฟตัดสินใจปรับทัพเป็นระบบ 3-5-2 จำลองมาจากแมตช์อุ่นเครื่องก่อนหน้านี้ที่เคยถล่มชนะอิตาลี 4-1

Advertisement

ตลอดทั้งเกม แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นการแก้เกมของกุนซือสองทีมกันแบบหมัดต่อหมัด ซึ่งตั้งแต่แรกอิตาลีดันสูงขึ้นไปกดดันตั้งแต่จังหวะเปิดบอลจากหน้าปากประตู เช่นเดียวกับเยอรมนีที่บีบกดดันสูงไม่ให้ออกบอลสั้นได้ และต้องโยนบอลยาว จนกลายเป็นการเตะอัดกำแพง เพราะแดนกลางอินทรีเหล็กเก็บบอลไว้ได้หมด

จังหวะแรกที่เยอรมนียิงขึ้นนำ 1-0 แนวรับอิตาลีเสียสมาธิเพียงเสี้ยววินาทีจนโดน เมซุต โอซิล ตวัดยิงตุงตาข่าย ขณะที่จังหวะตีเสมอ 1-1 อิตาลีเร่งเครื่องกดดันจากการบอมบ์ลูกกลางอากาศจนเป็นที่มาของลูกจุดโทษ

แม้จบเกม 1-1 และต้องต่อเวลาพิเศษออกไปจนถึงฎีกาดวลลูกจุดโทษ แต่ระหว่างทั้งเกมเต็มไปด้วยการระดมมันสมองแก้เกมของกุนซือสองคนนี้ จนทำให้กลายเป็นแมตช์ระดับ 5 ดาวที่จะนับเป็นแมตช์อันน่าจดจำของทัวร์นาเมนต์เลยทีเดียว

Advertisement

ท้ายที่สุดเป็นเลิฟที่ดวงแข็งกว่าเอาชนะคอนเต้ไปได้ ซึ่งภารกิจต่อไปของคอนเต้คือการไปคุมทีม เชลซี ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ส่วนบทพิสูจน์ต่อไปของเลิฟคือภารกิจรอบตัดเชือกในศึกยูโร ครั้งที่ 3 ของตัวเองในการคุมทัพอินทรีเหล็กมานับ 10 ปีแล้ว และมีโอกาสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งที่ 2 ของตัวเขาอีกด้วย

แต่ตลอด 10 ปี มีเพียงถ้วยแชมป์ยุโรปที่เลิฟยังไม่เคยได้สัมผัส เพราะทำได้ดีที่สุดแค่เพียงรองแชมป์ปี 2008 และอันดับ 3 เมื่อปี 2012 เท่านั้น!

FBL-EURO-2016-MATCH47-GER-ITA

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image