ศึกฟุตบอล ยูโร 2016 ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นครั้งแรกที่มีการเพิ่มทีมมากถึง 24 ทีม ทำให้เห็นถึงการทำลายสถิติในหลายๆ อย่าง
อย่างแรกคือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีการทำประตูด้วยลูกฟรีคิกโดยตรงมากที่สุดเป็น ประวัติศาสตร์คือ 4 ประตู โดยสถิติเดิมนั้นมาจากในยูโร 1984 และ ยูโร 2004 ที่มีการทำประตูด้วยฟรีคิก 3 ประตูด้วยกัน
4 ประตูนั้น ครึ่งหนึ่งมาจาก แกเร็ธ เบล ที่ทำให้กับทีมชาติ เวลส์ ในรอบแรก ส่วนอีก 2 ประตูมาจาก เอริค ดายเออร์ ของ อังกฤษ และ บาลาซส์ ชูชาก ของ ฮังการี
ขณะ ที่การดวลจุดโทษของ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี กับ “อัซซูรี่” อิตาลี ก็เป็นการทำสถิติเทียบเท่าสถิติเดิมในปี 1980 ที่ยิงกันรวม 18 คนเท่ากัน
นอกจากนี้ยังมีการทำลายสถิตินักเตะที่ลงสนามมากที่สุด เดิมทีนั้นเป็นสถิติร่วมกันของ ลิลิยอง ตูราม ของทีมชาติ ฝรั่งเศส กับ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งทำไว้เท่ากันที่ 16 นัด แต่ทว่ากลับถูก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำสถิติแซงไปเป็นที่เรียบร้อย
ถ้าหากรวมนัดชิงชนะเลิศที่กำลังจะลงเตะในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ โรนัลโด้จะทำสถิติไว้ที่ 21 นัด และยังมีโอกาสเพิ่มได้อีก หาก 4 ปีข้างหน้าจะยังลงเล่นต่อ
แต่นี่ก็ไม่ใช่สถิติเดียวของซุป”ตาร์จาก โปรตุเกส ที่ทำได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะประตูล่าสุดที่ซัดในเกมกับเวลส์ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิงในทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้ายมากที่สุด 9 ประตู เทียบเท่ากับตำนานทีมชาติฝรั่งเศสอย่าง มิเชล พลาตินี่ และยังมีโอกาสขึ้นเป็นเจ้าของสถิติเดี่ยวๆ ได้อีกด้วย
ทว่าคู่แข่งสำคัญของเขาในรอบชิงชนะเลิศอย่างฝรั่งเศสก็มีนักเตะที่พร้อมจะทาบรอยรุ่นพี่ทีมชาติอย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ซัดไปแล้วถึง 6 ประตู เป็นการยิงประตูในทัวร์นาเมนต์เดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1984 ที่พลาตินี่ทำไว้ 9 ประตูเลยทีเดียว
ทั้งสองคนก็ถือว่าอยู่ในช่วงที่กำลังมั่นใจ โดยเฉพาะรายหลังที่ตอนนี้น่าจะมีลุ้นหลายรางวัล ทั้งดาวซัลโวและนักเตะยอดเยี่ยม
โรนัลโด้ขอเพียง 1 ประตูก็เพียงพอที่จะเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลได้ แต่ในขณะที่กรีซมันน์นั้นขอ 3 ประตูเพื่อเทียบเท่า หรือ 4 ประตูเพื่อสร้างสถิติของตัวเอง
มองๆ ดูแล้วสถิติของดาวยิงตราไก่นั้นยากมากที่จะยิงในนัดชิงชนะเลิศได้ถึง 4 ประตู แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะในโลกของฟุตบอลแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หากยังไม่ได้ลงมือทำ
บางทีสถิติที่อยู่มานาน 32 ปี อาจจะถึงคราวจบสิ้นแล้วก็เป็นได้
