จับตา แก้ร่าง รธน. คลอดกฎหมายลูก ล้อมกรอบ ฝ่ายการเมือง

ไม่มีใครรู้ว่าคำ “เสียของ” ที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเอ่ยขึ้นเมื่อปี 2557 นั้นกินความกว้างแค่ไหน

หลายคนมองว่า หากสามารถจำกัดความเคลื่อนไหวของ 3 ตระกูลดัง

ชินวัตร ดามาพงศ์ และ วงศ์สวัสดิ์ ได้ ก็ถือว่า “ไม่เสียของ”

แต่อีกหลายคนมองกว้างไปไกล เพราะการ “จำกัด” ความเคลื่อนไหวอาจจะไม่ปลอดภัยเพียงพอสำหรับฝ่ายรัฐประหาร

Advertisement

ความตั้งใจของฝ่ายทหารอาจจะมีมากกว่านั้น

คำว่า “เสียของ” ของนายวิษณุอาจจะมีมากกว่าขั้วทักษิณ

ทั้งนี้อาจจะกินความรวมไปถึงฝ่ายการเมืองทั้งหมดก็เป็นได้

Advertisement

ด้วยเป้าหมายลดบทบาทฝ่ายการเมืองจึงทำให้กติกาใหญ่อย่างร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งกดขี่กีดกันนักการเมืองอย่างที่สุด

ลด-กดบทบาทจนนักการเมืองฝ่ายที่เคยอยู่ขั้วเดียวกันกับ คสช. ยังผวา

พรรคประชาธิปัตย์ยังต้องออกมาประกาศจุดยืนของตัวเองกับร่างรัฐธรรมนูญที่บัญญัติขึ้น

ไม่อาจรับร่างรัฐธรรมนูญ

เมื่อผนวกรวมกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นอีกขั้วการเมืองใหญ่ จึงถือว่าการปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีน้ำหนัก

เพียงแต่เมื่อผลการประชามติออกมา มีเสียงสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญถึง 60%

มีคนสนับสนุนคำถามพ่วงที่ สนช.เสนอ เพื่อเพิ่มอำนาจ ส.ว.เกินกว่าครึ่งของผู้มาใช้สิทธิ

กระบวนการกีดกันมิให้รณรงค์ก่อนการประชามติไม่มีผลใดๆ ทางกฎหมาย

แม้จะมีผู้ร้องทุกข์ ร้องเรียน แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเงียบ

เท่ากับว่าฝ่ายการเมืองที่หลงคิดว่ามีฐานเสียง ต้องกลับไปทบทวนตัวเองอีกคำรบ

เพราะบางทีฐานเสียงก็ไม่ฟังนักการเมือง

เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ และคำถามพ่วงก็ได้ความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่

กระบวนการต่อไปคือ การปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ให้ตรงกับคำถามพ่วง

ประเด็นข้อปัญหาคือ คำถามพ่วงระบุเพียงให้ ส.ว.มีส่วนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย

แต่บรรดา สนช. ผู้ชงคำถามต่างตีความว่า อำนาจที่ประชาชนมอบให้ ส.ว.นั้น ทั้งให้โหวตเลือกนายกฯ

และให้ ส.ว.เสนอชื่อนายกฯได้ด้วย

สนช.มองว่า คำถามพ่วงดังกล่าวเป็นเจตนารมณ์ของประชาชนที่ต้องการให้ ส.ว.มีสิทธิ

เมื่อให้ ส.ว.มีสิทธิโหวต ก็ต้องให้ ส.ว.มีสิทธิเสนอชื่อด้วย

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ถูกมองว่า ทำเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ทำเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

แนวทางดังกล่าว นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป เปิดเผยอย่างจริงใจให้สาธารณชนฟังมาแล้ว

นายไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 100%

นายไพบูลย์คาดว่าการเลือกตั้งปลายปี 2560 พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ ส.ส.ลดลง ร้อยละ 20 จากผลการเลือกตั้งปี 2554 จากเดิมที่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ประมาณ 270 เสียง และพรรคประชาธิปัตย์ได้ประมาณ 160 เสียง

ดังนั้น การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีตามบัญชีรายชื่อ จะมีเพียงพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์เสนอ และสุดท้ายทั้ง 2 พรรคจะไม่มีใครได้เป็น เนื่องจากคะแนนเสียงสนับสนุนไม่เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา

นั่นคือไม่เกินจำนวน 375 เสียง เพราะวุฒิสภามี 250 เสียง

หรือหากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ จับมือร่วมกัน โดยมีพรรคขนาดกลางเป็นส่วนประกอบ แม้เสียงของพรรคทั้งหมดก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีจะเกิน 375 คน แต่สุดท้ายเชื่อว่าจะทำไม่สำเร็จ เพราะจะมี ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคอย่างแน่นอน

เมื่อเข้าเงื่อนไขตามที่คาด สุดท้ายจะมีการเจรจาของ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร รวบรวม ส.ส.ไม่น้อยกว่า 250 คน ยื่นให้ประธานรัฐสภาเปิดประชุมรัฐสภา

เพื่อของดเว้นรายชื่อจากบัญชีพรรคการเมือง

เมื่อเปิดประชุมรัฐสภาแล้ว ส.ส. และ ส.ว.จะใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภาลงมติงดเว้นเลือกนายกรัฐมนตรีตามบัญชีพรรคการเมือง

ตอนนี้แหละที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์

เมื่อพิจารณาโรดแมปของนายไพบูลย์แล้วก็พอเห็นว่าโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯอีกต่อไปมีไม่ใช่น้อย

กรณีเป็นนายกฯอีกครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็มิได้ปฏิเสธ เพียงแต่ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าหาคนดีไม่ได้ก็ค่อยมาถาม

แตกต่างจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมที่ปฏิเสธทันที

ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากประชามติที่ผ่านมา

ประชามติตอบรับคำถามพ่วง

ส่วนผลประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้ กรธ.ต้องร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นมาด้วย

จากจำนวน 10 ฉบับที่ต้องคลอดใหม่ กำหนดให้เร่งดำเนินการก่อน 4 ฉบับ เพื่อให้ทันเลือกตั้งในปี 2560

ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส., ร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว., ร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง และร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง

ในขณะนี้เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ยังไม่ปรากฏแจ่มชัด แต่ดูเหมือนว่ามีประเด็นกันแล้ว

อย่างน้อยร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองก็เริ่มได้ยิน ประเด็น “เซตซีโร่”

เดิมมีข่าวว่าจะเซตซีโร่พรรคการเมืองทั้งหมด หรือเรียกง่ายๆ ว่ายุบพรรค แต่ภายหลังเสียงเริ่มเปลี่ยน

เปลี่ยนจากเซตซีโร่พรรค มาเป็นเซตซีโร่สมาชิกพรรค

หมายความว่า ให้สมาชิกแต่ละพรรคเป็นศูนย์ แล้วเริ่มต้นรับสมัครกันใหม่

นี่เป็นเพียงแค่ประเด็นตัวอย่างที่มีข่าวแย้มออกมา

ส่วนประเด็นอื่นๆ คงต้องจับตา เฝ้ามองความเป็นไปของเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ

ไม่ว่าจะเป็น 4 ฉบับแรก หรืออีก 6 ฉบับที่จะตามมา

แต่ทุกอย่างที่ดำเนินการ พอจะมีเค้าลางว่า ยังคงดำรงเป้าหมาย

นั่นคือ บั่นทอนกำลังฝ่ายการเมือง

ไม่ให้การยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา “เสียของ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image