กรณีไฟไหม้รง.

เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ควันไฟจากการเผาไหม้สารเคมีกระจายกินพื้นที่กว้างขวาง มาถึง กทม. และปริมณฑล ในการควบคุมผลกระทบ เจ้าหน้าที่ได้สั่งอพยพประชาชนที่มีบ้านเรือนในรัศมี 5 กม. จากจุดระเบิด ดังที่ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่าตลอดคืนวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ประสานงานพื่อเร่งช่วยเหลือแรงงานที่กักตัวตามมาตรการควบคุม
โควิด โดยมีแคมป์คนงานในซอย ลาดกระบัง 20/3 ต.ราชาเทวะ มีแรงงานราว 100 คน อยู่ใกล้จุดไฟไหม้ ในรัศมี 5 กิโลเมตร แคมป์แรงงานในซอยกิ่งแก้ว 37/5 ที่มีกลุ่มคนงาน 50 คน และแคมป์ที่ซอย 37 ไม่ได้อพยพออกมา บางส่วนหลบหนีออกไป ซึ่งการกักตัวไว้ มีความเสี่ยงรับอันตรายจากควันไฟที่เจือปนสารเคมี

ส.ส.พรรคก้าวไกลระบุว่า ได้รับคำชี้แจงจากจังหวัดสมุทรปราการ ว่าการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นอำนาจของฝ่ายความมั่นคง คือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสมุทรปราการ (กอ.รมน.จ.สมุทรปราการ) ซึ่งแจ้งมาว่าต้องได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ต่อมาจากการโทรศัพท์พูดคุยในเวลาเกือบ 24.00 น. ยืนยันมาว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมเหตุการณ์เพลิงไหม้ได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอพยพแรงงาน หากมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจะประสานงานกันอีกครั้ง เหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้นสะท้อนการทำงานที่ล้มเหลว ไม่มีแผนเผชิญเหตุวิกฤต ทุกชีวิตมีความสำคัญ ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่การทำงานมีความสับสน ไม่มีเอกภาพ แรงงานหลายคนต้องรอคอยอย่างไม่มีความหวังว่าจะได้รับการอพยพมายังพื้นที่ปลอดภัยหรือไม่

กรณีดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ตัวอย่างที่หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะรัฐบาลและ ศบค.น่าจะนำไปพิจารณา เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานที่เหมาะสม หากมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีก จะมีมาตรการหรือเตรียมการอย่างไร ให้แรงงานที่ถูกกักตัวมีหลักประกันเรื่องความปลอดภัย และไม่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อ การกักตัวไว้ใกล้บริเวณไฟไหม้ และเพลิงที่ยังควบคุมไม่ได้ ถือว่าเอาชีวิตประชาชนมาเสี่ยงกับภัยพิบัติ และอาจทำให้เกิดข้อครหาต่อทัศนคติในเรื่องสิทธิมนุษยชนของบรรดา
ผู้เกี่ยวข้องด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image