หน้าที่ของสภาฯ

รัฐบาลกำลังเผชิญศึกหนักที่ไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ จากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกล่าสุด ตัวเลขผู้ป่วยใกล้หมื่นคนมาระยะหนึ่งแล้ว ยอดเสียชีวิตในแต่ละวันใกล้แตะหลักร้อย เตียงคนไข้ขาดแคลน ประชาชนหลั่งไหลไปนอนค้างคืน บนทางเท้า ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา เพื่อขอคิวเข้าไปตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกที่เปิดเป็นจุดๆ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการ วัดต้องเปิดอุโบสถให้เข้าไปนอนพัก หลบฝน การประกาศมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว มีผลตั้งแต่คืนวันที่ 11 ก.ค. จนถึง 25 ก.ค. จะก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงกว่าที่ผ่านๆ มา คำถามที่แพร่สะพัดคือ ยอมเจ็บใช้ยาแรงแล้วจะจบไหม และมีเสียงตอบมาว่า ถ้าไม่มีวัคซีน เจ็บยังไงก็ไม่จบ

เริ่มมีการรวมตัวของประชาชนที่ไม่พอใจการบริหารงาน การแก้ปัญหาของรัฐบาล มีการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลลาออก ขณะที่กระแสสังคมเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ม็อบจำนวนหนึ่งเดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย เรียกร้องให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลนี้ยุติการทำหน้าที่ ขณะที่รัฐบาลยังตอบโต้ข้อกล่าวหา ข้อเรียกร้องในลักษณะต่างๆ โดยยังมองว่าเป็นปัญหาการเมือง แทนที่จะเห็นว่าเป็นภาพสะท้อนการบริหารของรัฐบาลเอง

ในระบอบประชาธิปไตยที่ขับเคลื่อนด้วยกฎกติกาที่เป็นสากล การเมืองต้องเปลี่ยนแปลงได้ วิกฤตของประเทศต้องมีทางออก แต่ในประเทศไทย กติกาถูกออกแบบ เพื่อพวกเราŽ เพราะฉะนั้น การเมืองจึงถูกล็อกไว้เฉพาะบุคคล ทางออกปกติถูกปิด การพิจารณาตนเองเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจไม่นิยมกระทำ สถานการณ์ขณะนี้จึงเป็นหน้าที่นัก การเมืองทุกคนในสภา จะต้องรับฟังเสียงของประชาชน แล้วหาทางออก เท่าที่กฎกติกาที่มีอยู่จะเอื้ออำนวย แก้ไขสถานการณ์โควิด พร้อมกับเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย โดยไม่เปิดช่องให้กลุ่มนักฉวยโอกาสที่เคยสร้างเงื่อนไขรัฐประหาร 2557 จะกลับมาฉกฉวยโอกาสอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image