บทนำมติชนรายวัน 25 กรกฎาคม 2564 : ศัตรูของรัฐบาล?
คำว่าคอลเอาต์ หรือ Call Out หรือการแสดงจุดยืน เป็นคำที่กำลังสั่นสะเทือนสังคม เมื่อศิลปิน ดารา ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การแก้ปัญหาโควิดของนายกรัฐมนตรี รัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องวัคซีน รวมถึงท่าทีของรัฐบาล ต่อการชุมนุมของประชาชนเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา และต่อมา นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทนายความของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี หรือ คตส. ได้แจ้งความแร็พเปอร์หญิง “มิลลิ” ที่ สน.นางเลิ้ง ในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา
นอกจากนี้ ยังมี นายสนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ตรวจสอบกลุ่มศิลปินดารา คนดังวงการบันเทิงและอื่นกว่า 20 คน ออกมา Call Out เกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่าเป็นการใช้ข้อมูลผิดเพี้ยน อาจผิดกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ การเคลื่อนไหวของนาย
สนธิญา ทำให้ถูกสังคมวิจารณ์อย่างหนัก พรรคพลังประชารัฐได้ออกมาปฏิเสธว่า นายสนธิญาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
ม็อบนกหวีดที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 2556 และ 2557 และลงเอยด้วยรัฐประหาร มีดารานักแสดงเข้าร่วมอย่างแข็งขัน ผลของการรัฐประหารคือรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ถือว่าเป็นอีกบ่อเกิดของวิกฤตขณะนี้ ดาราที่เป่านกหวีดในครั้งนั้นถูกสังคมและคนรุ่นใหม่วิพากษ์วิจารณ์ย้อนหลัง ว่ามีส่วนนำวิกฤตมาสู่ประเทศ การคอลเอาต์ของเหล่าดาราในครั้งนี้ จึงเท่ากับยืนยันความคิดของดารารุ่นใหม่ที่เห็นต่างและต้องการเห็นบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ตรงกันข้ามกับดารารุ่นเก่า
นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ต้องยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ กล้ารับฟังความเห็นต่างอย่างจริงใจ จึงจะดำรงอยู่ได้อย่างสง่างาม การบริหารงานในช่วงโควิดระบาด ส่งผลต่อประชาชนทุกเพศวัย จึงต้องการแสดงออก เพื่อให้รัฐบาลทราบและตระหนักถึงผลที่เกิดขึ้น การใช้กฎหมาย ใช้กลไกรัฐเล่นงานฝ่ายที่เห็นต่างจะยิ่งทำให้สถานการณ์ของประเทศเลวร้าย นอกเหนือจากโรคระบาดที่ทำให้เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้าอยู่แล้ว
