บทนำมติชน วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 : ถอยหลังลงคลอง
ยังไม่จบสิ้นง่ายๆ ปัญหาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งในทางปฏิบัติ ก่อปัญหามากมาย จนมีการเรียกร้องให้แก้ไขหรือยกร่างใหม่ และลงเอยด้วยการแก้ไขให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สำหรับ ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ แต่การแก้ไขเกิดปัญหาอีก ล่าสุด รัฐสภาได้ลงมติตามความเห็นของกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ให้ใช้สูตรหารด้วย 500 ในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งที่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้กลับมาใช้บัตร 2 ใบ แยกจากกันระหว่าง ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ควรใช้จำนวน 100 มาหารจำนวนคะแนนรวมทั้งหมดจากบัตรบัญชีรายชื่อ ตามหลักคณิตศาสตร์ เพื่อให้ได้ตัวเลขที่ลงตัว แต่รัฐสภาได้ลงมติ ให้หาร 500 และห่วงใยกันว่า จะขัดรัฐธรรมนูญ
ต่อมาวันที่ 26 ก.ค.รัฐสภาได้ไฟเขียวให้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปรับปรุงบางมาตราให้สอดคล้องกับสูตรหาร 500 และจะเสนอเพื่อให้บรรจุวาระพิจารณาในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ แนวโน้มของเรื่องนี้ หลังจากแก้ไขบางมาตรา ทางกรรมาธิการบางคนชี้ว่า น่าจะจบลงที่การหาร 500 เพราะการโหวตวาระ 3 จะโหวตหาร 100 ไม่ได้ ถ้าจะหาร 100 ต้องคว่ำวาระ 3 และมีรายงานข่าวเปิดเผยว่า รัฐบาลเองได้ลองคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 500 แล้ว พบว่า ไม่ทำให้พรรคใหญ่ได้เปรียบ จึงมีกระแสข่าวสะพัดว่า รัฐบาลประสงค์จะย้อนกลับไปที่จุดเดิม คือ การใช้บัตรใบเดียว แต่มีความยุ่งยากมาก เพราะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญกันใหม่อีกครั้ง
จากความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น ถึงเวลาที่ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะสภาผู้แทนฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะต้องแสดงจุดยืน เป็นหลักของระบอบประชาธิปไตยและบ้านเมือง รักษาผลประโยชน์ของประชาชน ด้วยการยืนยันในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่สนับสนุนสูตรการหารด้วย 500 อันเป็นช่องทางต่ออายุของกลุ่มอำนาจ ที่ประชาชนเบื่อหน่าย และไม่ได้มาจากกฎกติกาที่เป็นสากล และสภาผู้แทนฯ ต้องเป็นต้นเสียงในการคัดค้านความพยายามถอยหลังเข้าคลองไปใช้บัตรใบเดียว ซึ่งสภาได้ใช้เวลาเกือบ 4 ปีสิ้นเปลืองเวลาและทรัพยากรจำนวนมากในการแก้ไข โดยสวนทางกับผู้มีอำนาจและเครือข่ายที่มาจากแต่งตั้ง หากจะต้องย้อนกลับไปใช้บัตรใบเดียวอีกครั้ง ส.ส.ทั้งหลายจะอธิบายต่อประชาชนอย่างไร
