พรีวิวยูโร 2020 กลุ่มเอ : ‘อัซซูรี่’ มาแล้ว พร้อมเก็บ 9 แต้มเต็ม

พรีวิวยูโร กลุ่มเอ : ‘อัซซูรี่’ มาแล้ว พร้อมเก็บ 9 แต้มเต็ม

อีกไม่ถึง 10 วัน ฟุตบอลยูโร 2020 ก็จะได้เริ่มเปิดฉากกันอย่างเป็นทางการแล้ว และเพื่อเป็นการนำทุกท่านเข้าสู่บรรยากาศของการแข่งขัน เราจะมาลุยเจาะลึกกันทีละกลุ่ม ว่าแต่ละกลุ่มนั้นมีใครอยู่บ้าง และแต่ละทีมมีดาวเด่นคนไหน ที่พร้อมจะผงาดในศึกยูโรครั้งนี้

ซึ่งเราจะเริ่มต้นกันที่กลุ่มแรก นั่นก็คือกลุ่มเอ ที่ประกอบไปด้วย ตุรกี, อิตาลี, เวลส์ และสวิตเซอร์แลนด์

ตุรกี

เฮดทูเฮด
พบ อิตาลี ชนะ 0 เสมอ 3 แพ้ 7 ยิงได้ 5 เสีย 18
พบ เวลส์ ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 3 ยิงได้ 7 เสีย 10
พบ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 8 เสมอ 3 แพ้ 4 ยิงได้ 21 เสีย 20
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบรองชนะเลิศ (2008)
ผลงานยูโร 2016 : รอบแบ่งกลุ่ม

Advertisement

ทีมจาก “แดนไก่งวง” ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ด้วยผลงานในรอบคัดเลือกที่จัดว่าดีทีเดียว พวกเขาแพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นต่อทีมไอซ์แลนด์ ขณะที่การเจอทีมแชมป์โลกอย่าง “ตราไก่” ฝรั่งเศส พวกเขาก็สามารถเอาชนะได้ในบ้านตัวเองก่อนไปเสมอที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ 1-1 รวมผลงานชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มเอช

ตุรกีชุดนี้นำทีมมาโดย เซญอล กูเนส กุนซือขวัญใจชาวเติร์ก ผู้พาทีมจบอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ซึ่งกลับมาทำงานเป็นคำรบสอง และพาทีมผ่านเข้ามารอบสุดท้ายได้สำเร็จ

Advertisement

คีย์หลักของพวกเขาก็คือ เคงค์ โตซุน กองหน้าของ เอฟเวอร์ตัน ที่ปล่อยให้เบซิกตัส ยืมตัวใช้งาน โดยทำผลงานในรอบคัดเลือกไปถึง 5 ประตูด้วยกัน

ส่วนผู้เล่นที่น่าจับตามอง ได้แก่ เมริห์ เดมิราล ปราการหลัง “ม้าลาย” ยูเวนตุส ที่พกพาความสูงระดับ 190 เซนติเมตร, โอซาน คาบัก ที่ได้ยืมตัวไปอยู่กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล, เซงกิส อุนแดร์ จากเลสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง บูรัก ยิลมาซ กองหน้าที่ยิงจน ลีลล์ คว้าแชมป์ลีกเอิง มาครองได้สำเร็จ

อิตาลี

เฮดทูเฮด
พบ ตุรกี ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 18 เสีย 5
พบ เวลส์ ชนะ 7 เสมอ 0 แพ้ 2 ยิงได้ 23 เสีย 5
พบ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 28 เสมอ 22 แพ้ 8 ยิงได้ 107 เสีย 67
ผลงานดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (1968)
ผลงานยูโร 2016 : รอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้จุดโทษ เยอรมนี)

หลังจากพกความผิดหวังเพราะพลาดการเข้าร่วมรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา ทำให้ทีม “อัซซูรี่” มีการปรับทัพครั้งใหญ่ นำเอาโรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือที่ผ่านการคว้าแชมป์ระดับสโมสรมามากมาย เข้ามารับงานทีมชาติครั้งแรก

ซึ่งมันชินี่ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังกับผลงานสุดยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก เก็บชัยชนะรวดทั้ง 10 เกม ยิงได้ถึง 37 ประตูและเสียไปแค่ 4 ลูกเท่านั้น คว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายตั้งแต่ยังเหลือการแข่งขันอีก 3 นัดด้วยกัน

คีย์แมนของพวกเขาคือ มาร์โก้ แวร์รัตติ กองกลางจอมทัพจากปารีส แซงต์ แชร์แมง ด้วยสไตล์การเล่นของมันชินี่ ที่เน้นการครอบครองบอล ทำให้เข้ากับการเล่นของแวร์รัตติอย่างมากทีเดียว

ส่วนผู้เล่นที่น่าจับตามอง ได้แก่ อันเดรีย เบล็อตติ ดาวซัลโวจากรอบคัดเลือกที่กดไป 5 ประตู, จีจี้ ดอนนารุมมา นายทวารที่ก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่อย่างจีจี้ บุฟฟ่อน และยังมีแนวรับตัวหลักอย่าง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี้, อเลสซานโดร บาสโตนี่ แนวรุกอย่างเฟเดริโก้ เคียซ่า และมอยเซ่ คีน ที่เป็นตัวความหวังได้เช่นกัน

เวลส์

เฮดทูเฮด
พบ ตุรกี ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงได้ 10 เสีย 7
พบ อิตาลี ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 7 ยิงได้ 5 เสีย 23
พบ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 5 ยิงได้ 6 เสีย 16
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบรองชนะเลิศ (2016)
ผลงานยูโร 2016 : รอบรองชนะเลิศ (แพ้ โปรตุเกส)

“มังกรแดง” ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน แต่ว่าผลงานในรอบคัดเลือกก็ต้องบอกว่าไม่ดีเท่าไหร่นัก จาก 8 เกม ชนะได้เพียง 4 เสมอ 2 และแพ้ไป 2 เกม เฉือนสโลวาเกีย กับ ฮังการี มาแบบทีมละ 1 กับ 2 แต้มเท่านั้น

นอกจากนี้ในรอบสุดท้ายพวกเขาจะต้องเจอปัญหาอีก เมื่อไรอัน กิ๊กส์ กุนซือของทีมนั้นเจอกับปัญหาโดนแจ้งความคดีทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว ทำให้ทางสมาคมฟุตบอลเวลส์ต้องตั้ง ร็อบ เพจ เข้ามาทำหน้าที่แทน ดังนั้นไม่สามารถบอกได้เลยว่ามวยแทน จะพาเวลส์ไปได้ไกลสักเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม เวลส์ ยังคงมีที่พึ่งอย่าง แกเร็ธ เบล ที่จะเป็นตัวหลักของทีมชุดนี้ การที่ฤดูกาลที่ผ่านมาได้กลับไปอยู่กับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทำให้เจ้าตัวดูเล่นฟุตบอลแล้วมีความสุขมากขึ้น ก็น่าจะนำน้องๆ ในทีมได้อยู่บ้าง

ส่วนคนที่น่าจับตามองในการแข่งครั้งนี้ ก็คือ แดเนี่ยล เจมส์ ปีกจาก “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แฮร์รี่ วิลสัน จาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รวมถึงแดนกลางที่มี อาร่อน แรมซีย์ ช่วยทำเกมอยู่

สวิตเซอร์แลนด์

เฮดทูเฮด
พบ ตุรกี ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 8 ยิงได้ 20 เสีย 21
พบ อิตาลี ชนะ 8 เสมอ 22 แพ้ 28 ยิงได้ 67 เสีย 107
พบ เวลส์ ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 2 ยิงได้ 16 เสีย 6
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบ 16 ทีมสุดท้าย (2016)
ผลงานยูโร 2016 : รอบ 16 ทีม (แพ้จุดโทษ โปแลนด์)

ทีมจาก “แดนนาฬิกา” ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ด้วยผลงานในรอบคัดเลือกที่เป็นแชมป์ของกลุ่มดี ลงเล่น 8 นัดชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ไป 1 เกม ครั้งนี้พวกเขาก็ยังคงต้องพุ่งเป้าเข้ารอบ 16 ทีมให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

สวิตเซอร์แลนด์ชุดนี้ยังคงนำทีมมาโดย วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช กุนซือชาวบอสเนีย ที่ทำหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งที่ผ่านมาถือว่ารักษามาตรฐานผลงานได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างน้อยก็พาทีมเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ทุกครั้ง

นักเตะคนสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ชุดนี้ก็คือ กรานิต ชาก้า กองกลางกัปตันทีมจาก “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่เป็นศูนย์กลางของทีม ทั้งการเข้าปะทะแย่งบอลรวมถึงการช่วยสร้างเกมขึ้นไปยังแนวรุกด้วย

ส่วนนักเตะที่น่าสนใจคนอื่นๆ ก็จะมี เดนิส ซากาเรีย ที่คอยช่วยงานชาก้าในแดนกลาง และมี เชอร์ดาน ชากิรี่ ที่ทำผลงานกับทีมชาติได้ดีเสมอ ส่วนศูนย์หน้าก็มี บรีล เอ็มโบโล่ กองหน้าวัย 23 ปี จากมึนเช่นกลัดบัค ที่พร้อมเป็นทีเด็ดให้กับทีมได้

สรุป

สำหรับกลุ่มเอนั้นก็ต้องบอกว่า อิตาลี คือทีมที่เป็นเต็งหนึ่งแบบไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแต่อยู่ในช่วงที่กำลังฟอร์มดี แต่พวกเขายังได้เปรียบจากการได้ลงเล่นในสตาดิโอ โอลิมปิโก้ กรุงโรม ทุกนัดอีกด้วย ฉะนั้นมีโอกาสเก็บ 9 แต้มเต็มเลยก็ว่าได้

ส่วนอีกทีมที่จะลุ้นเข้ารอบอัตโนมัติ อาจจะมองไปที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่มีผลงานมาตรฐานเสมอ แต่คงต้องเบียดแย่งกับ ตุรกีอย่างสนุกสนาน โดยที่มีเวลส์ ที่แม้จะปัญหารุมล้อม แต่ก็พร้อมสร้างปัญหาให้ทุกทีมเช่นกัน

โปรแกรมการแข่งขัน
11 มิถุนายน ตุรกี พบ อิตาลี เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 12 มิถุนายน)
12 มิถุนายน เวลส์ พบ สวิตเซอร์แลนด์ เวลา 20.00 น.
16 มิถุนายน ตุรกี พบ เวลส์ เวลา 23.00 น.
16 มิถุนายน อิตาลี พบ สวิตเซอร์แลนด์ เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 17 มิถุนายน)
20 มิถุนายน อิตาลี พบ เวลส์ เวลา 23.00 น.
20 มิถุนายน สวิตเซอร์แลนด์ พบ ตุรกี เวลา 23.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image