พรีวิวยูโร 2020 กลุ่มดี : ‘สิงโต’ ไม่ง่ายต้องดวล ‘โครเอเชีย-สกอตแลนด์’

พรีวิวยูโร กลุ่มดี : ‘สิงโต’ ไม่ง่ายต้องดวล ‘โครเอเชีย-สกอตแลนด์’

ต้องบอกว่านี่คือกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจมาก แม้ว่าอาจจะยังไม่ถึงขั้นกรุ๊ปออฟเดธแบบกลุ่มเอฟ แต่นี่ก็เป็นกลุ่มที่แต่ละทีมสูสีกันอย่างมากทีเดียว

รวมถึงนี่ยังเป็นกลุ่มที่ได้เห็นดาร์บี้แมตช์ แบตเทิลออฟบริเตน ระหว่าง “สิงโตคำราม” อังกฤษ กับ สกอตแลนด์ อีกด้วย ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด

อังกฤษ

เฮดทูเฮด
พบ โครเอเชีย ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 3 ยิงได้ 21 เสีย 13
พบ สกอตแลนด์ ชนะ 48 เสมอ 23 แพ้ 41 ยิงได้ 195 เสีย 171
พบ สาธารณรัฐเช็ก ชนะ 11 เสมอ 4 แพ้ 3 ยิงได้ 44 เสีย 23
ผลงานดีที่สุดในยูโร : อันดับ 3 (1968)
ผลงานยูโร 2016 : รอบ 16 ทีม (แพ้ ไอซ์แลนด์ 1-2)

“สิงโตคำราม” อังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นรายการใดๆ ก็มักจะถูกยกให้เป็นเต็งลำดับต้นๆ เสมอ แม้ว่าผลงานในรอบสุดท้ายบางทีจะไปไม่ถึงฝั่งฝันบ้างก็ตาม แต่จากผลงานล่าสุดที่เข้าถึงรอบตัดเชือกในฟุตบอลโลก 2018 นั่นหมายความว่าฝีมือของแกเร็ธ เซาธ์เกต เองก็ไม่ธรรมดา

Advertisement

โดยเฉพาะผลงานในรอบคัดเลือก ที่ชนะถึง 7 นัด แพ้แค่นัดเดียวให้กับสาธารณรัฐเช็ก ที่โคจรมาเจอกันอีกครั้งในรอบสุดท้าย แต่ที่เด็ดดวงคือผลงานการทำประตูที่ยิงไปถึง 37 ประตูด้วยกัน ตีเป็นค่าเฉลี่ยต่อนัดแล้วนี่คือทีมที่ยิงมากที่สุดอีกด้วย

ขณะเดียวกันทีมชาติอังกฤษชุดนี้เป็นทีมที่เต็มไปด้วยสตาร์ดังล้นทีม โดยมีคีย์แมนที่สำคัญที่สุดก็คือ แฮร์รี่ เคน กัปตันและดาวซัลโวประจำทีม ที่กดไปถึง 12 ประตูในรอบคัดเลือก

นอกจากนี้ยังมี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง,​ มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช่ หรือดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม แต่ที่ต้องลุ้นคือสภาพร่างกายของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่คงต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย

Advertisement

โครเอเชีย

เฮดทูเฮด
พบ อังกฤษ ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 5 ยิงได้ 13 เสีย 21
พบ สกอตแลนด์ ชนะ 0 เสมอ 3 แพ้ 2 ยิงได้ 2 เสีย 5
พบ สาธารณรัฐเช็ก ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 7 เสีย 5
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบก่อนรองชนะเลิศ (1996, 2008)
ผลงานยูโร 2016 : รอบ 16 ทีม (แพ้ โปรตุเกส 0-1)

รองแชมป์โลกทีมล่าสุด ซึ่งยังคงอยู่ในชุดโกลเด้นเจนเนอเรชั่นของพวกเขา นับตั้งแต่แยกตัวจากยูโกสลาเวียมานั้นพวกเขาก็สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ตลอด มีพลาดเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 2000 เท่านั้น ส่วนหนนี้ผลงานในรอบคัดเลือก ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 ทำได้ 17 ประตู เสียไป 7 ด้วยกัน

ในส่วนของกุนซือนั้นยังคงเป็น ซลัตโก้ ดาลิช แม้ว่าช่วงหลังจะมีกระแสให้เขาลาออก เนื่องมาจากผลงานในเนชั่นส์ลีก ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป หลังเพิ่งต่อสัญญาออกไปจนถึงปี 2022

จอมทัพของทีมตราหมากรุก ก็คือ ลูก้า โมดริช ที่ไม่เพียงแต่เป็นกัปตันทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นเพลย์เมกเกอร์คนสำคัญที่คอยทั้งคุมจังหวะ และสร้างสรรค์เกมให้เพื่อนอีกด้วย

ขณะที่โครเอเชียเป็นทีมที่ใช้ทีมเวิร์คเป็นหลัก ทีมจึงไม่ได้มีซุป’ตาร์เป็นพิเศษ แต่ทว่าทุกคนล้วนเป็นตัวหลักที่กระจายตามสโมสรต่างๆ ทั้งเดยัน ลอฟเรน, มาเตโอ โควาซิช, อีวาน เปริซิช หรืออันเดร ครามาริช เป็นต้น ดังนั้นพวกเขาก็พร้อมจะร่วมมือกันพาทีมไปให้ไกลที่สุดเช่นกัน

สกอตแลนด์

เฮดทูเฮด
พบ อังกฤษ ชนะ 41 เสมอ 24 แพ้ 48 ยิงได้ 171 เสีย 195
พบ โครเอเชีย ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 0 ยิงได้ 5 เสีย 2
พบ สาธารณรัฐเช็ก ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 4 ยิงได้ 11 เสีย 12
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบแรก (1992, 1996)
ผลงานยูโร 2016 : ไม่ผ่านเข้ารอบ

“นักรบตาร์ตัน” ต้องใช้เวลากว่า 22 ปี กว่าจะได้กลับมาเล่นฟุตบอลรายการระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่อีกครั้ง จากที่ครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปถึงฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศสเลย ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องบอกว่าลำบากไม่น้อย เพราะในรอบเพลย์ออฟก็ต้องดวลจุดโทษทั้งสองรอบ กว่าจะเอาชนะอิสราเอล และเซอร์เบียมาได้

ก็ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมในระดับหนึ่งของสตีฟ คลาร์ก แต่คำถามก็คือสกอตแลนด์ชุดนี้ดีพอจะสร้างเซอร์ไพรส์ในฟุตบอลยูโรหนนี้ได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องบอกว่าการถูกจับมาอยู่ในกลุ่มนี้ถือว่าเป็นงานที่หนักพอควรเลย

นักเตะตัวหลักของสกอตแลนด์ก็คือ จอห์น แม็คกิน กองกลางจาก “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นกองกลางสไตล์โบราณคือมีการปะทะที่หนักหน่วงและการจ่ายบอล แต่กลายเป็นดาวซัลโวของทีมในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา

นอกจากนี้ทีมชุดนี้ยังมี แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ คีแรน เทียร์นี่ 2 วิงแบ๊กจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ถือเป็นจุดเด่นของทีมชุดนี้ และยังมีสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จากแมนฯ ยูไนเต็ด รวมถึงเช อดัมส์ กองหน้าจากเซาธ์แฮมป์ตันด้วย

สาธารณรัฐเช็ก

เฮดทูเฮด
พบ อังกฤษ ชนะ 3 เสมอ 4 แพ้ 11 ยิงได้ 23 เสีย 44
พบ โครเอเชีย ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 5 เสีย 7
พบ สาธารณรัฐเช็ก ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 4 ยิงได้ 12 เสีย 11
ผลงานดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (สมัยเช็กโกสโลวาเกีย 1976)
ผลงานยูโร 2016 : รอบแรก

ทีมที่จัดได้ว่าเป็นขาประจำสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ที่นับตั้งแต่แยกตัวจากเช็กโกสโลวาเกีย ก็สามารถผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายได้ทุกครั้ง และมักจะชอบสร้างเซอร์ไพรส์ผ่านเข้าถึงรอบลึกๆ ได้เรื่อยๆ

ซึ่งในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา พวกเขาเป็นทีมเดียวที่สามารถเอาชนะอังกฤษมาได้ เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ ยาโรสลาฟ ซิฮาวี่ กุนซือวัย 59 ปี ที่เข้ามารับงานตั้งแต่ปี 2018 และก็ทำผลงานได้ตามเป้าหมายคือการเข้ามารอบสุดท้ายสำเร็จ

ในเกมที่พวกเขาเอาชนะอังกฤษได้ คนที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดก็คือ วลาดิเมียร์ ดาริด้า ทำให้ในการแข่งขันครั้งนี้เขาก็จะเป็นคีย์หลักของทีมคนหนึ่ง รวมถึงแพทริก ชีก กองหน้าที่เป็นดาวซัลโวในรอบคัดเลือก

นอกจากทั้งสองคนแล้ว เช็ก ชุดนี้ยังมีตัวทีเด็ดอย่าง โทมัส ซูเช็ก กองกลางจอมทำประตู และ วลาดิเมียร์ คูฟาล 2 นักเตะที่ฟอร์มดีกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งน่าจะเป็นตัวหลักสำคัญของทีมชุดนี้เลยทีเดียว

สรุป

กลุ่มนี้ดูเผินๆ อาจจะมองว่าอังกฤษนั้นเป็นต่อค่อนข้างมาก แต่อย่างที่รู้กันว่าทีมอย่างโครเอเชีย มักจะทำผลงานในรอบสุดท้ายได้ดีหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งอังกฤษยังต้องเจอศึกศักดิ์ศรีกับสกอตแลนด์อีก ดังนั้นไม่ง่ายที่พวกเขาจะเก็บ 9 แต้มเต็มได้

นอกจากนี้อย่าลืมว่าสาธารณรัฐเช็กเอง ก็ไม่ใช่ทีมธรรมดาที่จะมาเป็นหมูให้เชือดในกลุ่มนี้อยู่แล้ว ฉะนั้นเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในทุกๆ เกมเลยก็ว่าได้

เผลอๆ อาจจะทำให้ทีมเต็งอย่างอังกฤษ ตกรอบแรกก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร

โปรแกรมการแข่งขัน
วันที่ 13 มิถุนายน อังกฤษ พบ โครเอเชีย เวลา 20.00 น.
วันที่ 14 มิถุนายน สกอตแลนด์ พบ สาธารณรัฐเช็ก เวลา 20.00 น.
วันที่ 18 มิถุนายน โครเอเชีย พบ สาธารณรัฐเช็ก เวลา 23.00 น.
วันที่ 18 มิถุนายน อังกฤษ พบ สกอตแลนด์ เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 19 มิถุนายน)
วันที่ 22 มิถุนายน สาธารณรัฐเช็ก พบ อังกฤษ เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 23 มิถุนายน)
วันที่ 22 มิถุนายน โครเอเชีย พบ สกอตแลนด์ เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 23 มิถุนายน)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image