พรีวิว ยูโร 2020 : ‘ตราไก่’วาง ‘เบนเซม่า-เอ็มบัปเป้’ ยิง ‘อินทรีเหล็ก’
“ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์โลก 2018 เตรียมประเดิมสนามนัดแรกพบกับ “อินทรีเหล็ก” แชมป์โลกเมื่อปี 2014 ในศึกยูโร 2020 รอบแรก กลุ่มเอฟ “กรุ๊ปออฟเดธ” ที่อลิอันซ์ อารีนา เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในคืนวันที่ 15 มิถุนายน เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 16 มิถุนายน) ถ่ายทอดสดทางเอ็นบีที เอชดี2
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
ฝรั่งเศส
ชนะ บัลแกเรีย (เหย้า) 3-0 (อุ่นเครื่อง)
ชนะ เวลส์ (เหย้า) 3-0 (อุ่นเครื่อง)
ชนะ บอสเนียฯ (เยือน) 1-0 (ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก)
ชนะ คาซักสถาน (เยือน) 2-0 (ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก)
เสมอ ยูเครน (เหย้า) 1-1 (ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก)
เยอรมนี
ชนะ ลัตเวีย (เหย้า) 7-1 (อุ่นเครื่อง)
เสมอ เดนมาร์ก (เหย้า) 1-1 (อุ่นเครื่อง)
แพ้ นอร์ธ มาซิโดเนีย (เหย้า) 1-2 (ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก)
ชนะ โรมาเนีย (เยือน) 1-0 (ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก)
ชนะ ไอซ์แลนด์ (เหย้า) 3-0 (ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก)
สถิติการพบกัน
สถิติที่ผ่านมาทั้งสองทีมเจอกันทั้งหมด 31 ครั้ง แบ่งเป็นฝรั่งเศสที่ชนะได้มากกว่า 14 ครั้ง เยอรมนีชนะ 9 ครั้ง และเสมอกันไปอีก 8 ครั้ง
ล่าสุดทั้งสองทีมเจอกันในยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ซึ่งฝรั่งเศสชนะ 2-1 แต่ถ้าย้อนไปยูโรหนก่อน ทั้งสองทีมเจอกันในรอบตัดเชือก และครั้งนั้นฝรั่งเศสชนะ 2-0 จาก 2 ประตูของอองตวน กรีซมันน์ ก่อนจะทะลุเข้าชิงไปได้
สภาพทีม
คาริม เบนเซม่า ดาวยิงทีมตราไก่ที่ได้รับบาดเจ็บในเกมอุ่นเครื่องกับบัลแกเรีย สามารถเรียกความฟิตกลับมาทันลงเล่นในเกมนี้ได้ โดยจะประสานงานร่วมกับ อองตวน กรีซมันน์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ในแดนหน้า ขณะที่ราฟาเอล วาราน พร้อมออกสตาร์ตคุมแนวรับให้กับทีม
ด้านเยอรมนีจะไม่เสี่ยงใช้งาน เลออน กอเร็ตซ์ก้า กองกลางคนสำคัญที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ ขณะที่โยชัว คิมมิช น่าจะได้เริ่มต้นจากตำแหน่งแบ๊กขวาแม้ว่าช่วงหลังในสโมสรจะเล่นกองกลางเป็นหลักแล้วก็ตาม ขณะที่โยนาส ฮอฟมันน์ จะไม่มีชื่อสำหรับเกมนี้แน่นอน
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส, บ็องฌาแม็ง ปาวาร์, ราฟาเอล วาราน, เปรสเนล คิมเปมเบ้, ลูก้าส์ เอร์น็องเดซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป๊อกบา, โคร็องแต็ง โตลิสโซ่, อองตวน กรีซมันน์, คาริม เบนเซม่า, คีเลียน เอ็มบัปเป้
เยอรมนี : มานูเอล นอยเออร์, มัตเธียส กินเทอร์, มัตส์ ฮุมเมลส์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, โยชัว คิมมิช, อิลคาย กุนโดกัน, โทนี่ โครส, โรบิน โกเซนส์, ไค ฮาเวิร์ตซ์, โธมัส มุลเลอร์, แซร์จ กนาบรี้
สรุป
เป็นการเจอกันของสองทีมที่ต้องบอกว่าสูสีมาก แม้ว่าตอนนี้ฝรั่งเศสจะอยู่ในชุดที่ดีกว่า ขณะที่เยอรมนีเองก็ฟอร์มไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง แต่พอเป็นการแข่งขันในรอบสุดท้าย ก็จะขึ้นอยู่กับว่าในวันนั้นใครมีสมาธิและผิดพลาดน้อยกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม แนวรุกของฝรั่งเศสจัดว่ามีความจัดจ้านกว่า และเทียบกับแนวรับของเยอรมนีเองที่ไม่ได้มีความเร็วมาก ดังนั้นยังเชื่อว่าฝรั่งเศสจะหาช่องเจาะทำประตูและเอาชนะไปได้ก่อนในเกมแรก