พรีวิว ยูโร 2020 : เปิดฉากรอบ 16 ทีม ‘เวลส์’ นำทัพใหญ่บู๊ ‘โคนม’
ศึกฟุตบอล “ยูโร 2020” เปิดฉากฟาดแข้งรอบ 16 ทีมสุดท้าย “มังกรแดง” เวลส์ รองแชมป์กลุ่มเอ จะพบกับ “โคนม” เดนมาร์ก รองแชมป์กลุ่มบี ที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในเวลา 23.00 น. ถ่ายทอดสดทางเอ็นบีที เอชดี2
เวลส์ผ่านเข้ารอบมาด้วยผลงาน เสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1, ชนะตุรกี 2-0 และแพ้อิตาลี 0-1 ส่วนเดนมาร์กนั้นพลิกสถานการณ์จากความพ่ายแพ้ต่อ ฟินแลนด์ 0-1 และเบลเยียม 1-2 กลับมาเข้ารอบด้วยชัยชนะเหนือรัสเซียในเกมสุดท้าย 4-1
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
เวลส์
แพ้ อิตาลี 0-1 (ยูโร 2020)
ชนะ ตุรกี 2-0 (ยูโร 2020)
เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 (ยูโร 2020)
เสมอ แอลเบเนีย (เหย้า) 0-0 (อุ่นเครื่อง)
แพ้ ฝรั่งเศส (เยือน) 0-3 (อุ่นเครื่อง)
เดนมาร์ก
ชนะ รัสเซีย 4-1 (ยูโร 2020)
แพ้ เบลเยียม 1-2 (ยูโร 2020)
แพ้ ฟินแลนด์ 0-1 (ยูโร 2020)
ชนะ บอสเนียฯ (เหย้า) 2-0 (อุ่นเครื่อง)
เสมอ เยอรมนี (เยือน) 1-1 (อุ่นเครื่อง)
สถิติการพบกัน
ทั้งสองทีมเจอกันมา 10 ครั้ง ไม่เคยจบลงด้วยการเสมอเลยสักครั้งเดียว แบ่งเป็นเดนมาร์กชนะได้ 6 ครั้ง และเวลส์ชนะได้ 4 ครั้ง อย่างไรก็ตามทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันมาในยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นทางฝั่งเดนมาร์กที่เอาชนะได้ทั้งเหย้าและเยือน
สภาพทีม
ร็อบ เพจ กุนซือของเวลส์ไม่มีปัญหาในการจัดทีมแม้ว่าอีธาน อัมปาดู จะโดนใบแดงในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้ลงสนามในเกมนี้ไม่ได้ แต่ไม่มีผลอะไรกับ 11 ตัวจริงอยู่แล้ว
ส่วนทางด้านของ แคสเปอร์ ยุลมันด์ ได้แผนการเล่นที่เหมาะสมกับทีมตัวเองแล้วนั่นคือระบบหลัง 3 ตัว กับการเล่นร่วมกันของ ยานนิก เวสเตอร์การ์ด, ซีมอน แคร์ และ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ขณะที่แนวรุกก็ค้นพบเพชรเม็ดงามอย่าง มิกเคล ดัมสการ์ด ที่จะเป็นตัวจริงร่วมกับยุสซุฟ โพลเซ่น ต่อไป
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เวลส์ : แดนนี่ วอร์ด, คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, คริส เมแฟม, โจ โรดอน, เบน เดวีส, โจ มอร์เรลล์, อารอน แรมซีย์, โจ อัลเลน, แดเนียล เจมส์, แกเร็ธ เบล, คีฟเฟอร์ มัวร์
เดนมาร์ก : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, ยานนิก เวสเตอร์การ์ด, ซีมอน แคร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น,แดเนียล วาส, โธมัส เดลานีย์, ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก, โยอาคิม เมห์เล, มิกเคล ดัมสการ์ด, มาร์ติน เบรธเวต, ยุสซุฟ โพลเซ่น
สรุป
เดนมาร์กสร้างปาฏิหารย์ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายมาได้ เรื่องของกำลังใจน่าจะเหนือกว่าเวลส์ แต่เวลส์เองก็เป็นทีมที่มีความอันตรายโดยเฉพาะการเล่นของแกเร็ธ เบล กับ อาร่อน แรมซีย์ ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เดนมาร์กจะเอาชนะได้แน่ แม้ประสบการณ์ในฟุตบอลรายการใหญ่จะเยอะกว่าก็ตาม
จุดเด่นของเดนมาร์กในปีนี้คือเรื่องเกมรุก ที่ดูจะมีการเข้าทำหลากหลายมากขึ้นแม้ไม่มีคริสเตียน อีริกเซ่นแล้วก็ตาม ส่วนแนวรับพอใช้เซนเตอร์ 3 คนก็ดูแกร่งขึ้นมาด้วย ดังนั้นยังมองว่าจะพอต้านทานเวลส์ได้อยู่
มองว่ารูปเกมคู่นี้อาจจะออกเบียด สูสี จนต้องไปว่ากันถึงช่วงต่อเวลาเลยก็ได้ หรือถ้าจะมีใครชนะอาจห่างไม่เกิน 1 ประตู
สกอร์ที่คาด : เดนมาร์ก ชนะ เวลส์ 2-1
