ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ชาคร ศิริสุวรรณสิทธิ์ |
เผยแพร่ |
มิเชล บาเชเลต์ เคยถูกทารุนกรรมจากรัฐบาลเผด็จการที่เธอต่อต้าน ทว่าเวลานี้อดีตประธานาธิบดีชิลีสองสมัย ได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแล้ว
บาเชเลต์ ผู้ได้รับการจัดอยู่ในหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก วัย 66 ปี ได้ก้าวเข้ารับตำแหน่งข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแทนที่ เซอิด ราอัด อัล ฮุสเซน แห่งจอร์แดน อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ลูกสาวของนายพลประจำกองทัพอากาศผู้ต่อต้าน พล.อ.ออกุสโต ปิโนเชต์ ในการยึดอำนาจจากประธานาธิบดีซัลวาดอร์ อัลเลนเด ของชิลีในปีค.ศ. 1973 เริ่มต้นงานในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในช่วงทศวรรษที่ 70
บาเชเลต์ และพ่อแม่ถูกจับกุมในฐานะนักโทษการเมืองก่อนที่ พ่อของบาเชเลต์ จะเสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง
บาเชเลต์ ถูกคุมขังในช่วงเวลารัฐบาลทหารเผด็จการ “ปิโนเชต์” เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ศูนย์สอบสวนและทรมาน “บิลยา กริมาลดี”
“ฉันถูกทรมานทางจิตวิทยาเป็นส่วนใหญ่ และถูกทุบตีบ้าง แต่เขาไม่ได้ ‘ย่าง’ฉัน” บาเชเลต์ เล่าในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2014 โดยใช้คำศัพท์สแลงของนักโทษที่หมายถึงการใช้ไฟฟ้าช็อต
“ฉันโชคดีหากเทียบกับคนอื่นๆอีกหลายคน พวกเขาจำนวนมากเสียชีวิต” บาเชเลต์ระบุ
หลังได้รับการปล่อยตัว บาเชเลต์ และแม่ใช้เวลาหลายปีลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย และมายังเยอรมันตะวันออก ก่อนเดินทางกลับบ้านเกิดในปี 1979 เพื่อเรียนให้จบปริญญาด้านการแพทย์
บาเชเลต์ ผู้เรียนมาด้านกุมารแพทย์และเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เข้าทำงานกับกระทรวงสาธารณสุขหลังประชาธิปไตยกลับคืนสู่ชิลีในปี 1990
ก่อนสร้างประวัติศาสตร์เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขหญิงคนแรกในปี 2000 อีกครั้งในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกในปี 2002
บาเชเลต์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะประธานาธิบดีหญิงคนแรกของชิลี 2 สมัย ในปี 2006-2014 และอีกครั้งในปี 2014 จนถึงเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมา
ในฐานะประธานาธิบดี บาเชเลต์ ผู้เป็นนักสังคมนิยม วางนโยบายปฏิรูประบบเงินบำนาญ ปรับปรุงบริการด้านสาธารณสุขและสังคม โดยเน้นไปที่กลุ่มแรงงานยากจน
บาเชเลต์ เข้ารับตำแหน่งในยูเอ็นครั้งแรกในฐานะผู้อำนวยการองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติเมื่อปี 2010 สนับสนุนให้มีความเท่าเทียมทางเพศเกิดขึ้นทั่วโลก
เซอิด ชื่นชมการเสนอชื่อบาเชเลต์เพื่อดำรงตำแหน่งแทนที่ตน และเรียกร้องให้บาเชเลต์ ไม่ต้องลังเลที่จะประณามผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
ด้านอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า บาเชเลต์เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิผู้หญิงมาอย่างยาวนาน มีประสบการณ์และทักษะทางการเมืองในฐานะผู้นำอย่างกว้างขวางและเป็นที่รับรู้กันดีว่ามีความสามารถในการสร้างฉันทามติร่วมกันได้เป็นอย่างดี