การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ของสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงจะเป็นสิ่งบ่งชี้ทิศทางการทำงานของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในอีก 2 ปีที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของทรัมป์เท่านั้นว่าจะดำเนินไปอย่างราบรื่นได้หรือไม่ภายใต้สภาคองเกรสที่ถูกแบ่งแยกจากผลการเลือกตั้งเบื้องต้นที่ออกมาว่าพรรคเดโมแครตกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ส่วนวุฒิสภาหรือซีเนตยังคงตกอยู่ภายใต้การควบคุมเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันเช่นเดิมต่อไป
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ที่เป็นการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างท่วมท้นของชาวอเมริกัน ก็ได้มีการสร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นในวงการเมืองสหรัฐอีกครั้ง
เริ่มจากอเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ ผู้สมัครส.ส.หญิงจากพรรคเดโมแครต ที่สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งส.ส.เขตที่ 14 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เขตบรองซ์และควีนส์ ในนครนิวยอร์กมาได้ ส่งผลให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐด้วยวัยเพียง 29 ปี
โดยโอคาซิโอ-คอร์เตซ เกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมปีค.ศ.1989 ในครอบครัวชนชั้นผู้ใช้แรงงาน ก่อนเข้าเรียนในระดับมัธยมที่ยอร์กทาวน์ ไฮสคูล ในระหว่างนั้นเธอได้รับรางวัลที่ 2 ในงานอินเทล อินเตอร์เนชั่นแนล ไซนซ์ แอนด์ เอ็นจิเนียริง แฟร์ จากผลงานการวิจัยด้านไมโครชีวภาพ ซึ่งยังเป็นผลให้ในภายหลังสหภาพดาราศาสตร์ระหว่างประเทศได้นำเชื่อของเธอไปตั้งชื่อดาวเคราะห์น้อยที่พบ เรียกว่า “23238 โอคาซิโอ-คอร์เตซ” ต่อจากนั้นเธอได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบอสตันและยังได้รับทุนเรียน จอห์น เอฟ.โลเปซ หลังเรียนจบเธอผันตัวเองเข้าสู่วงการเมืองโดยการเป็นนักเคลื่อนไหวและยังเป็นนักการศึกษาที่ทำงานให้กับสถาบันฮีสปานิกแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อนจะร่วมทำงานในทีมหาเสียงของเบอร์นี แซนเดอร์ส ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016 กระทั่งมาลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในนามพรรคเดโมแครตในนครนิวยอร์ก
ขณะที่ อิลฮาน โอมาร์ และ ราชิดา ทะเลบ ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต กลายเป็นสองหญิงมุสลิมคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาคองเกรสสหรัฐ โดยโอมาร์ หญิงมุสลิมชาวอเมริกันเชื้อสายโซมาเลีย วัย 36 ปี ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.จากรัฐมินเนโซตา หลังจากเอาชนะเจนนิเฟอร์ ซีลินสกี คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันไปได้ ขณะที่ก่อนหน้านี้โอมาร์ได้สร้างประวัติศาสตร์มาแล้วในฐานะเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายโซมาเลียคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภานิติบัญญัติของรัฐมินเนโซตาในการเลือกตั้งปี 2016 โดยโอมาร์ เป็นนักการเมืองหญิงที่มุ่งสนับสนุนระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โอบามาแคร์” การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ
ส่วนราชิดา ทะเลบ สมาชิกพรรคเดโมแครตจากเมืองดีทรอยท์ รัฐมิชิแกน และทนายความหญิง วัย 42 ปี คว้าเก้าอี้ส.ส.รัฐมิชิแกนไปในการเลือกตั้งครั้งนี้ เธอเป็นลูกสาวในครอบครัวผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ ที่เหมือนกับโอมาร์ในการยึดมั่นแนวนโยบายก้าวหน้าที่รวมถึงการผลักดันระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า การปฏิรูปการอพยพเข้าเมือง และสนับสนุนการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็นชั่วโมงละ 15 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้าน ชาริซ เดวิดส์ วัย 38 ปี และ เด็บ ฮาแลนด์ วัย 57 ปี สองผู้สมัครหญิงจากพรรคเดโมแครตเช่นกัน ที่เป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นชนอเมริกันพื้นเมือง (Native American) คนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาคองเกรสสหรัฐ หลังจากเดวิดส์คว้าเก้าอี้ส.ส.รัฐแคนซัสไปครองจากการเอาชนะเควิน โยเดอร์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน โดยเดวิดส์ในฐานะเป็นชนอเมริกันพื้นเมืองทำให้เธอหยัดยืนในการต่อสู้เพื่อความเสมอภาคและการต่อสู้กับผลประโยชน์พิเศษต่างๆ
ส่วนฮาแลนด์ อดีตประธานพรรคเดโมแครตของรัฐนิวเม็กซิโก สามารถคว้าเก้าอี้ส.ส.รัฐนิวเม็กซิโกไปครอง ฮาแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมปี 1960 ที่เมืองวินส์โลว์ รัฐแอริโซนา บิดาเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายนอร์เวย์ ซึ่งเป็นอดีตทหารหน่วยนาวิกโยธิน ส่วนมารดาเป็นชาวอเมริกันพื้นเมืองที่รับใช้กองทัพเรือสหรัฐด้วยเช่นกัน ฮาแลนด์จบปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก และยังได้รับปริญญาทางด้านนิติศาสตร์ในสาขาวิชากฎหมายเฉพาะของชนพื้นเมือง จากโรงเรียนกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยนิวเม็กซิโก และยังคงดำรงตำแหน่งผู้บริหารชนเผ่าของสถาบันซานเฟลิป ปวยโบลด้วย
และ จาเร็ด โพลิส นักการเมืองนักลงทุนผู้ใจบุญ วัย 43 ปี ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต กำลังจะกลายเป็นผู้ว่าการรัฐในสหรัฐคนแรกที่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นเกย์จากการพิชิตตำแหน่งผู้ว่าการรัฐโคโลราโด โดยโพลิสยังคงมีคะแนนนำทิ้งห่าง วอล์กเกอร์ สเตเปิลตัน ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและคู่แข่งคนอื่นๆ จากปูมประวัติระบุว่าโพลิสกำลังจะเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกที่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นกลุ่มแอลจีบีทีหรือผู้มีความหลากหลายทางเพศ และจะเป็นผู้ว่าการรัฐชายคนแรกที่เปิดเผยตนเองว่าเป็นเกย์ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ
