รายงานพิเศษ : พุทธศาสตร์สัมพันธ์ ไทย-ศรีลังกา

ไทยและศรีลังกา เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันพิเศษระหว่างกัน ความสัมพันธ์ที่ถักทอร้อยรัดและหยั่งรากลึกให้ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 คือความสัมพันธ์ในทางพุทธศาสนา หลังคณะสงฆ์ลังกาวงศ์ได้เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ โดยพระราหุล พระสงฆ์ชาวลังกา ได้จาริกจากพุกามมาตั้งนิกายลังกาวงศ์ที่จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นนิกายลังกาวงศ์ในสุวรรณภูมิ แม้ในบางช่วงบางคราวอาจห่างหายกันบ้างเนื่องจากปัญหาบางประการอันเนื่องมาจากสถานการณ์ภายในประเทศ แต่ที่สุดแล้ว พุทธศาสนา ก็ยังคงผูกพัน ไทยและศรีลังกา เข้าไว้ด้วยกันอย่างยากที่จะหาประเทศใดเสมอเหมือน

ความสัมพันธ์ดังกล่าวสืบเนื่องยาวนานมาจนสมัยสุโขทัย ยิ่งในยุคกรุงศรีอยุธยา เมื่อพุทธศาสนาในศรีลังกาเสื่อมลงจนสิ้นสุดสมณวงศ์ คณะราชทูตลังกาได้อัญเชิญพระราชสาส์นของพระเจ้าศรีวิชัยราชสิงห์มาถวายแด่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อขอให้คณะสงฆ์ไทยเดินทางไปยังลังกา ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ แม้จะมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินในลังกา ท้ายที่สุด พระอุบาลีมหาเถระ ได้นำคณะสงค์สยามเดินทางไปถึงลังกาเมื่อปีพ.ศ. 2276 และได้บรรพชาอุปสมบทให้ชาวลังกาเป็นพระภิกษุและสามเณรรวม 3,000 รูป นิกายสยามวงศ์ หรือสยามอุบาลีนิกาย จึงหยั่งรากในลังกาอย่างมั่นคงสืบมา

กระทั่งในยุครัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์ไทยและพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ได้เสด็จเยือนศรีลังกาในหลายโอกาส และยังมีการสานสัมพันธ์ทางพุทธศาสนาระหว่างกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมุกฎราชกุมาร ทรงเสด็จเยือนศรีลังกาเช่นกัน กระทั่งในปีพ.ศ. 2546 และ 2556 รัฐบาลของไทยและศรีลังกา ยังได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญครบรอบ 250 และ 260 ปี แห่งการสถาปนาพุทธศาสนานิยกายสยามวงศ์ในศรีลังกาอีกด้วย

Advertisement

หนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนถึงสายสัมพันธ์ทางพุทธศาสนาอันใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ คือการที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธในศรีลังกามาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 19 ปีแล้ว ภายใต้โครงการการทูตทางวัฒนธรรมที่สำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ โดยใช้รากฐานทางวัฒนธรรมของไทยกับมิตรประเทศเป็นเครื่องมือในการกระชับความสัมพันธ์ในภาคประชาชนระหว่างกัน และยังมีขึ้นเพื่อเผยแพร่เกียรติคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงอุปถัมภ์ค้ำชูพุทธศาสนา ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2538 ภายใต้ความริเริ่มของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานในพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดชัยเสขาราม ในกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา โดยมีนางนรีรัตน์ ภริยา นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และนายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับผู้แทนภาคเอกชนไทยในศรีลังกา พร้อมกับพุทธศาสนิกชนชาวไทยในศรีลังกานับร้อยคน ขณะที่ฝ่ายศรีลังกา มีโดยมีพระทาลาเล สิริ มหินดา นายากะ เถโร เจ้าอาวาสวัดชัยเสขาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยประธานฝ่ายฆราวาสคือนายคารุ จายาสุริยา ประธานรัฐสภาศรีลังกา ทั้งยังมีคณะทูตานุทูตหลายประเทศเข้าร่วมในพิธีสำคัญดังกล่าวด้วย

Advertisement

พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่สมพระเกียรติ โดยสามารถรวบรวมเงินบริจาค ซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานบำรุงวัดจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินโดยเสด็จพระราชกุศลของกระทรวงการต่างประเทศ และเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาครวม 431,640 บาท

นายดอนกล่าวว่า พิธีถวายผ้าพระกฐินถือเป็นพิธีสำคัญสำหรับชาวพุทธทั้งในไทยและศรีลังกา นับตั้งแต่ปี 2538 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ทรงให้กระทรวงการต่างประเทศนำผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายยังวัดพุทธศาสนาในต่างประเทศที่แบ่งปันคุณค่าทางวัฒนธรรมและศาสนาอันใกล้ชิดกับไทย เป้าหมายสำคัญคือการส่งเสริมการติดต่อระหว่างภาคประชาชนและช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมิตรประเทศที่นับถือพุทธศาสนาทั่วโลกให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ไทยและศรีลังกามีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดผ่านพุทธศาสนามายาวนานกว่า 800 ปี มีการส่งคณะพระธรรมทูตไปมาหาสู่ระหว่างกันแบบนับครั้งไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางพื้นฐานของพุทธศาสนาในประเทศของเราในปัจจุบัน จึงถือเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ตนได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายในศรีลังกาในครั้งนี้

“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบทอดพระราชภารกิจในการอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาทั้งในไทยและในต่างประเทศ ในปีนี้นับเป็นปีแรกที่มีการอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายที่วัดชัยเสขาราม ซึ่งเป็นวัดที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชาวไทย โดยมีความร่วมมือและแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะสงฆ์ระหว่างกันมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและศรีลังกา และที่สำคัญไปกว่านั้นคือจะช่วยนำให้พุทธศาสนิกชนระหว่างสองประเทศมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างกันมากยิ่งขึ้น” นายดอนกล่าว

พระมาดากามา นันดาวันสา นายากะ เทโร เป็นตัวแทนกล่าวตอบว่า ศรีลังกาและไทยเป็นเมืองพุทธ เรามีประวัติศาสตร์อันแน่นแฟ้นยาวนานระหว่างกัน แม้ว่าชาวพุทธในโลกจะมีเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ และมีหลากหลายนิกาย แต่เรายังมีความเชื่อมโยงต่อกันและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานและเครื่องบริวารมาทอดถวายยังศรีลังกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพุทธศาสนิกชน 2 ประเทศแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเรายินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญนี้ร่วมกัน

ขณะที่นายคารุได้กล่าวขอบคุณในนามของรัฐบาล รัฐสภา และประชาชนศรีลังกา ที่กระทรวงการต่างประเทศไทยได้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวาย ณ วัดชัยเสขารามในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศยาวนานมากกว่า 800 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ชาวศรีลังกามีความรักและผูกพันกับประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง ตนขอถือโอกาสนี้แสดงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงพระราชทานผ้าพระกฐินพระราชทานให้คณะผู้แทนไทยนำโดยนายดอนมาทอดถวายในศรีลังกา ในฐานะประธานฝ่ายฆราวาสของวัดชัยเสขาราม ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และเชื่อว่าวามสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะยั่งยืนยาวนานสืบไป

ด้านท่านทูตจุฬามณี เอกอัครราชทูตไทยประจำศรีลังกา ย้ำถึงสายสัมพันธ์อันพิเศษระหว่างกันว่า ความสัมพันธ์ทางศาสนาระหว่างไทยและศรีลังกาเป็นพื้นฐานสำคัญที่่สามารถนำมาต่อยอดในการสานสัมพันธ์ในมิติอื่นๆ ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงความสัมพันธ์ของประชาชนสองประเทศ มีความแน่นแฟ้นเป็นอย่างมาก คนไทยเดินทางมาทำบุญไหว้พระในศรีลังกาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนศรีลังกาก็มีความชื่นชมอย่างยิ่ง

คงจะมีไม่กี่ประเทศบนโลกนี้ที่จะมีความสัมพันธ์ในฐานะพุทธศาสนิกชนอย่างลึกซึ้งและใกล้ชิดเช่นที่ “ไทยและศรีลังกา” มีต่อกันยาวนานเช่นนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image