เริ่มใช้แล้ว “ไทย อี-วีซ่า” เปิดตัวแห่งแรกที่ปักกิ่ง

กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดตัวระบบขอรับการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ‘อี-วีซ่า’ ระยะแรกของไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อไม่นานมานี้ ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยมีนายชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานพิธีเปิดตัวที่ห้องรัตนไมตรี ของสถานเอกอัครราชทูต โดยมีนายพิริยะ เข็มพล เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล และนายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เข้าร่วมงาน ท่ามกลางสื่อมวลชนจีนที่มาทำข่าวกันอย่างล้นหลาม

ระบบอี-วีซ่า ระยะแรกของไทยเริ่มให้บริการที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนับจนถึงสัปดาห์ก่อนมีจำนวนผู้ยื่นขอวีซ่าออนไลน์ที่ปักกิ่งแล้วกว่า 2,000 ราย เหตุที่จำนวนผู้มายื่นขอดูจะไม่มากเท่าใดนัก เนื่องจากขณะนี้ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่นหลังเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นเทศกาลวันหยุดสำคัญของชาวจีนเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อีกทั้่งระบบอี-วีซ่า จะขยายไปยังเมืองอื่นๆ ของจีนในวันที่ 1 มีนาคมนี้

นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยได้พัฒนาระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ระยะแรก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางมายังประเทศไทยด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ ซึ่งการยื่นขอรับการตรวจลงตราผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะทำให้นักท่องเที่ยวยื่นคำร้องได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นผ่านขั้นตอนง่าย ๆ 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การกรอกข้อมูลในระบบ e-application ซึ่งผู้ร้องฯ สามารถกรอกข้อมูลและนำส่งข้อมูลขอรับการตรวจลงตรา ที่ใดและเวลาใดก็ได้ ผ่านเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th โดยขั้นตอนต่างๆ ที่กำหนดให้ผู้ร้องดำเนินการในระบบจะช่วยให้การยื่นขอรับการตรวจลงตราถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามระเบียบ และสอดคล้องกับมาตรฐานสากลขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ไอเคโอ) เช่น การแจ้งเตือนหากอายุหนังสือเดินทางของผู้ร้องฯ เหลือน้อยกว่า 6 เดือน การตรวจสอบคุณภาพของรูปถ่าย และการเรียกขอเอกสารประกอบการยื่นขอรับการตรวจลงตรา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ร้องสามารถเตรียมเอกสารได้ครบถ้วนและไม่ถูกปฏิเสธคำร้อง เนื่องจากจัดเตรียมเอกสารไม่เรียบร้อยดังที่ผ่านมา นอกจากนี้เพื่อช่วยให้ชาวจีนใช้งานระบบได้ง่ายขึ้น กระทรวงการต่างประเทศยังได้เตรียมจัดทำคู่มือการใช้ระบบในภาษาจีนสำหรับผู้ใช้งานด้วย

Advertisement

ขั้นตอนที่ 2 ผู้ร้องขอรับการตรวจลงตราต้องทำการเลือกวันนัดหมายเพื่อยื่นหนังสือเดินทางแก่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ เพื่อเจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณาอนุมัติตรวจลงตราและติดแผ่นปะลงบนเล่มหนังสือเดินทาง ขั้นตอนนี้ จะช่วยให้ลดปัญหาความแออัดของสถานที่รับการตรวจลงตรา ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ร้องเดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่แล้ว แต่ไม่สามารถยื่นคำร้องได้ เนื่องจากปริมาณผู้ร้องมีมากจนเลยเวลาเปิดรับคำร้อง

และขั้นตอนที่ 3 การชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบ e-payment ที่รองรับวิธีการชำระค่าธรรมเนียมในรูปแบบต่างๆ ที่ปลอดภัยและหลากหลาย โดยสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่าน Alipay WechatPay และ internet banking

อธิบดีกรมการกงสุลย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนชาวจีนในการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อพัฒนาให้ระบบตรวจลงตรามีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยในอนาคตอันใกล้ไทยจะนำระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบที่ไม่ต้องติดแผ่นปะลงบนเล่มหนังสือเดินทางมาใช้ โดยจะเป็นการแจ้งผลตรวจลงตราทางอีเมล์แทน ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสะดวกในการขอรับการตรวจลงตราด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนการเดินทางของประชาชนของทั้งสองประเทศ และนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีนมากยิ่งขึ้นต่อไป

Advertisement

ด้านนายพิริยะ เข็มพล เอกอัครราชทูตไทยประจำจีน กล่าวว่า ในฐานะเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีการจัดงานการเปิดตัวโครงการอี-วีซ่าของไทย โดยกรมการกงสุลได้เลือกกรุงปักกิ่งเป็นสถานที่เปิดตัวโครงการดังกล่าว และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ยังเป็นสถานทูตไทยแห่งแรกในโลกที่เป็นผู้นำร่องโครงการอี-วีซ่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่รัฐบาลไทยให้ต่อการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนชาวจีนที่ประสงค์จะเดินทางไปประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง

ปี 2561 ที่ผ่านมา นับได้ว่าเป็นปีสำคัญด้านการท่องเที่ยวไทยและความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับจีน เมื่อพิจารณาจากสถิติต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยได้ถูกยกระดับให้อยู่ในแนวหน้าของโลก บริษัทบัตรเครดิต Master Card ได้จัดลำดับให้กรุงเทพ เป็นเมืองที่มีชาวต่างชาติไปเยือนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งถึง 20 ล้านคน เหนือกว่าเมืองสำคัญอื่นๆ เช่น กรุงลอนดอน ของอังกฤษ กรุงปารีส ของฝรั่งเศส นครนิวยอร์ก ของสหรัฐ และกรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐยังรายงานว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยทำรายได้กว่า 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นลำดับที่ 4 ของโลก เป็นรองแค่สหรัฐ สเปน และฝรั่งเศส และจำนวนรายได้ดังกล่าวยังทำให้ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงเป็นลำดับที่ 1 ในเอเชียมากกว่ามาเก๊าและญี่ปุ่น ที่อยู่ในอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ
นักท่องเที่ยวจีนถือได้ว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวไทยประสบผลสำเร็จในปีที่ผ่านมา โดยในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 2561 กว่า 37 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 10.5 ล้านคน หรือมีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ในจำนวนดังกล่าวเป็นการขอรับการตรวจลงตราจากสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในจีนทั้ง 10 แห่งกว่า 5.9 ล้านราย หรือคิดเป็นเกือบร้อยละ 60 ของจำนวนการตรวจลงตราให้กับนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ดังนั้นการดำเนินโครงการอี-วีซ่าในช่วงเวลานี้ จึงถือได้ว่าเป็นการดำเนินการที่ “ถูกที่ ถูกเวลา” ในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนจีนที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยทุกคน

ท่านทูตพิริยะกล่าวว่า โครงการ อี-วีซ่า ถือเป็นการยกระดับระบบการตรวจลงตราของกระทรวงการต่างประเทศไทยทั้งระบบ ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ และยังถือเป็นการดำเนินตามวิสัยทัศน์ของประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ด้วยการพัฒนาให้ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” และยังเป็นการส่งเสริมการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ประเทศไทยมีความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เพราะการสร้างความประทับใจในการให้บริการผ่านระบบอี-วีซ่า จะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกที่ดีต่อการการต้อนรับที่อบอุ่นของคนไทย และอยากเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทยอีก ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และยังทำให้ประเทศไทยมีมาตรฐานที่เป็นสากล เพราะอี-วีซ่าเป็นระบบการให้บริการแห่งอนาคต การดำเนินการของไทยในเรื่องนี้จึงนับเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวโน้มของโลก

ข่าวรอบด้าน กับ Line@มติชนนิวส์รูม คลิกเป็นเพื่อนกัน ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน
ท่านทูตพิริยะกล่าวด้วยว่า จากการเปิดเผยของนายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยแจ้งว่า เว็บไซต์ของธนาคาที่เสนอข่าวเกี่ยวกับการเปิดบริการอี-วีซ่า ของกรมการกงสุลในช่วงที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมถึง 600 ล้านครั้งทั่วโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจอย่างสูงยิ่งต่อโครงการอี-วีซ่าของไทย

“ในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีนตั้งแต่ปี 2559 คำกล่าวที่ผมมักได้ยินผู้บริหารไทยและจีน และประชาชนคนไทยและจีนมักพูดถึงกันคือ “จีน – ไทย ใช่อื่นไกลบ้านเดียวกัน” ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นครอบครัวเดียวกันของคนไทยและคนจีน ดังนั้นการที่กรมการกงสุลตัดสินใจเริ่มต้นโครงการอี-วีซ่า ซึ่งมีความทันสมัย สะดวก และรวดเร็ว ที่จีนเป็นประเทศแรก จึงถือเป็นของขวัญที่รัฐบาลไทยมอบให้เพื่อนชาวจีนอีกด้วย” ท่านทูตพิริยะกล่าวสรุป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image