คอลัมน์ โกลบอลโฟกัส : เยกอร์ ชูคอฟ “เดอะ ปูติน เจเนอเรชัน”

(Photo by Yuri KADOBNOV / AFP)

คอลัมน์ โกลบอลโฟกัส : เยกอร์ ชูคอฟ “เดอะ ปูติน เจเนอเรชัน”

เยกอร์ ชูคอฟ เพิ่งถูกจับกุมเมื่อเดือนที่ผ่านมา ข้อหาซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงมอสโกตั้งข้อกล่าวหาเอาไว้คือ “มีส่วนร่วมในการรวมตัวกันก่อความไม่สงบ” ครั้งใหญ่ โทษทัณฑ์ของการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว มีระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 8 ปี

ดรามาของชูคอฟ เริ่มต้นเมื่อมหาวิทยาลัยปิดเทอมระหว่างภาคเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา

พ้นภาระจากการเรียนรัฐศาสตร์ ใน ไฮเออร์ สคูล ออฟ อีโคโนมิคส์ (เอชเอสอี) ชูคอฟ ก็เข้ามาสมทบกับชาวมอสโกอีกเรือนหมื่น ที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณหน้า ซิตี้ ฮอลล์ ตอนปลายเดือน เพื่อประท้วงและเรียกร้องให้คืนสิทธิต่อนักการเมืองท้องถิ่นฝ่ายค้านทั้งหลายที่ถูกตัดสิทธิจากการเข้าร่วมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นในมอสโก

การชุมนุมครั้งใหญ่ดังกล่าวจัดขึ้นโดยไม่ได้ขออนุญาต เพราะขอก็ไม่ได้รับอนุญาต และแม้ทุกอย่างจะดำเนินไปโดยสันติ แต่ก็ลงเอยด้วยเหตุวุ่นวาย รุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปสลายการชุมนุมแล้วจับกุมผู้ร่วมชุมนุมไป 1,400 คน

Advertisement

ตอนนั้นเองที่นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนเริ่มพูดถึงข้อหา “การรวมตัวกันเป็นจำนวนมากเพื่อก่อความไม่สงบ”

ชูคอฟ ไม่ได้เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นแต่อย่างใด

แต่ไม่นานหลังจากนั้น เยกอร์ ชูคอฟ ก็เริ่มตกเป็นเป้า สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งระบุว่า ชูคอฟ คือหนึ่งในผู้จัดการชุมนุมครั้งนั้น แถมกล่าวหาด้วยว่า เขาคือคนที่ออกคำสั่งให้มวลชนบุกฝ่าแนวปิดล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

คลิปวิดีโอของเหตุการณ์เริ่มแพร่ระบาดเพื่อเป็นหลักฐานของการโฆษณาชวนเชื่อนี้ แต่จนแล้วจนรอด ในที่สุดความจริงก็กระจ่างว่า ผู้ที่ถูกระบุในคลิปดังกล่าวว่าเป็นตัวการสำคัญ ไม่ใช่ตัว เยกอร์ ชูคอฟ แต่อย่างใด

แต่ถึงตอนนั้น ฟันเฟืองทั้งหมดของกระบวนการยุติธรรมรัสเซียถูกขับเคลื่อนและถูกกระพือโหมเร่งเร้าจนเต็มที่แล้ว

เยกอร์ ชูคอฟ ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา

******

การพุ่งเป้าจับกุม เยกอร์ ชูคอฟ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ชูคอฟ ตกเป็นเป้าเพราะเขาคือเจ้าของ วิดีโอบล็อบ (วีบล็อก) ผ่านเว็บไซต์ ยูทูบ ที่มียอดผู้สมัครสมาชิกมากกว่า 100,000 คนในเวลานั้น

ชูคอฟ ใช้วีบล็อกของตนเพื่ออธิบายแนวความคิดและยุทธวิธีอหิงสา ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้เพื่อการชุมนุมประท้วงทางการเมืองในรัสเซียโดยเฉพาะ

นี่คือบล็อกเพื่อเผยแพร่แนวความคิด หลักการและ “อาหารสมอง” เชิงการเมืองเจือปนด้วยภูมิปัญญาของนักศึกษาผู้หนึ่งซึ่งบ่อยครั้งมากที่ปรากฏออกมาให้เห็นในรูปของ “ลัทธิเสรีนิยม” ซึ่งมอง “รัฐ” ว่าเป็น “สิ่งที่เกินจำเป็น” เพราะเป็นตัวการสำคัญในการ “คุกคาม ล่วงล้ำ” เสรีภาพส่วนบุคคลของปัจเจกบุคคลทั้งหลาย

ฉากที่ใช้ประจำสำหรับการออกอากาศผ่านยูทูบแชนแนล ของ ชูคอฟ เป็นภาพพื้นผนังสีเหลือง พร้อมภาพงูหางกระดิ่งขดเป็นวงเชิดหัวชูเขี้ยวเหนือพื้นหญ้าสีเขียว พร้อมข้อความ “Don’t Tread On Me.-อย่ากดขี่ฉัน” ที่สืบทอดจากเฮฟวีร็อคอเมริกันอย่าง “เมทัลลิกา” ชนิดโจ่งแจ้ง ชัดเจน

เยกอร์ ชูคอฟ ไม่เป็นที่นิยมกันนักในระดับภูมิภาคนอกกรุงมอสโก ที่ซึ่งแม้จะเกิดการชุมนุมประท้วงรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง แต่เป้าหมายของการชุมนุมเป็นเรื่องความต้องการเฉพาะหน้ามากกว่าอย่างอื่น อย่างเช่น การขาดแคลนอาหาร, ปัญหาบำเหน็จบำนาญ, และเรื่องการขาดแคลนน้ำสะอาด

คนเหล่านั้นมองการชุมนุมประท้วงในมอสโกว่าเป็นเรื่องของ เด็กรวย เด็กหนุ่มที่ถูกตามใจ หรือไม่ก็คนที่ฝักใฝ่ในปรัชญาเสรีนิยมสุดโต่ง

ตรงกันข้ามกับผู้คนในมอสโก ที่ยึดถือเรื่องของหลักการมากกว่าอย่างอื่น นอกจากนั้นยังไม่ชอบเอามากๆ ที่นักศึกษาซึ่งเป็นแบบอย่าง รักสันติ จากครอบครัวที่ดี จู่ๆ กลับถูกประกาศให้เป็น “ศัตรูของรัฐ”

ข้อกังขาของคนในมอสโกก็คือ ถ้าอนาคตของคนเหล่านี้ลงเอยอยู่ในคุก ในตะรางแล้ว อนาคตของประเทศจะอยู่ที่ไหน ฝากไว้กับใครกัน?

แต่การจับกุม เยกอร์ ชูคอฟ ทำให้ทัศนคติเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไป วาเลเรีย คาซามารา รองคณะบดี ที่เป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ของ ชูคอฟ ที่ เอชเอสอี ยอมรับว่า ชูคอฟ มีบุคลิกส่วนตัวที่โดดเด่น มีความทะเยอทะยาน ฉลาดและเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเห็นด้วยกับแนวความคิดที่เขานำเสนอหรือไม่ก็ตามที

ในความเห็นของ ดมิตรี ไบคอฟ การจับกุมดังกล่าวทำให้นักศึกษาคนหนึ่งกลายเป็น “ฮีโร่” ของทุกคนขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้ ชูคอฟ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความองอาจโดยบริสุทธิ์ใจของคนหนุ่มสาว

ชูคอฟ คือ คนที่เป็นตัวแทนของบุคลิก ลักษณะที่สำคัญๆ ทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นเป็น เจเนอเรชัน ของเยาวชนคนหนุ่มสาวทั้งหลายในรัสเซีย

เมื่อมองในแง่นี้ ไบคอฟ ยืนยันว่า การจับกุม เยกอร์ ชูคอฟ ที่ผ่านมา คือ “ความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง” ของทางการเครมลิน!

******

สำหรับรัสเซียแล้ว เอชเอสอี ไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยดาดๆ ทั่วไป คนที่นั่นเรียกที่นี่ว่า “วิชก้า” ยึดถือกันว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่รู้จักกันดี ไม่เพียงเพราะบรรยากาศโดยรวมที่เป็นเสรี มีอิสระสูงกว่าที่อื่นๆ เท่านั้น หากแต่ยังเป็นสถาบันการศึกษาที่มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซียอย่างมากอีกด้วย

ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ส่งผลให้ ชูคอฟ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจซึ่งกันและกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นักศึกษานั้นแน่นอนว่ารวมตัวกันสนับสนุนอยู่แล้ว แต่ ชูคอฟ ยังส่งผลให้บรรดาคณาจารย์ทั้งหลายหันมาหนุนหลังเขาด้วยอีกต่างหาก

“อ็อกซีไมรอน” หนึ่งในกลุ่มแรปเปอร์ที่รู้จักกันดีที่สุดในรัสเซีย ประกาศมอบเงิน 2 ล้านรูเบิล สำหรับใช้เพื่อเป็นทุนประกันตัวให้กับ ชูคอฟ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับประกาศใช้ตำแหน่งของตนเองค้ำประกันการประกันตัวให้

แม้กระทั่ง สมาคมครูอเมริกันผู้สอนภาษาสลาฟและยุโรปตะวันออก ยังตีพิมพ์เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก แสดงการสนับสนุน เยกอร์ ชูคอฟ

คาซามารา เคยทำงานวิจัยชิ้นหนึ่งว่าด้วยคุณลักษณะเด่นของเจเนอเรชันของเยกอร์ ชูคอฟ สิ่งหนึ่งที่เธอชี้ชัดเอาไว้ในงานวิจัยชิ้นดังกล่าวก็คือ เยาวชนในยุคปัจจุบันนี้ “ไม่มีความกลัว” อีกต่อไป

คาซามารา บอกว่า เด็กหนุ่มสาวในทุกวันนี้เติบใหญ่ขึ้นในห้วงเวลาที่สงบสันติที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่รัสเซียเคยพบพานมา เด็กๆ เหล่านี้ได้รับการคุ้มกัน ปกป้องเป็นอย่างดีจากผู้เป็นพ่อแม่ นั่นทำให้แต่ละคนไม่รู้สึกกลัวหรือกังวลมากมายอีกต่อไปแม้จะนั่งเบียดเสียดกันอยู่บนรถตำรวจที่นำพวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องขังเพื่อควบคุมตัวชั่วคราวก็ตามที

“คนรุ่นเดิมอย่างพวกฉัน กลัวถูกจับ กลัวว่าจะเสียตำแหน่ง ถูกไล่ออกจากงานประจำที่ทำอยู่ที่มหาวิทยาลัย หางานใหม่ไม่ได้ แล้วชีวิตก็พังไปทั้งชีวิต” คามาราซาบอก

ตรงกันข้าม ผู้คนในรุ่นของชูคอฟ ไม่เกรงกลัว พวกเขายังคงยืนหยัดต่อต้านกับอะไรก็ตามที่เห็นว่าล่วงละเมิดต่อหลักการที่ยึดถือ ยิ่งถูกจำขัง ยิ่งต่อสู้ ยิ่งกดขี่ยิ่งต่อต้าน ถูกผลักดันมากเท่าใด ยิ่งตอบโต้มากขึ้นไปเท่านั้น

“เราต้องไม่ปล่อยให้ความหวาดกลัวได้รับชัยชนะ เพราะความกลัวทำให้เกิดความเงียบ ความเงียบที่จะจะถูกขัดขวางได้ก็มีเพียงแต่การทำลายรถตำรวจทุกคันที่ขวางอยู่ข้างหน้า บุกเข้าไปกดกริ่ง(ให้เปิดประตูออก)ให้ได้เท่านั้น”

นั่นคือสารสุดท้ายที่ ชูคอฟ โพสต์เอาไว้ในวีบล็อกของตัวเองเมื่อ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถูกจับกุม

นี่คือตัวแทนของผู้คนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองไว้ชัดเจนว่า “ปูติน เจเนอเรชัน”

******

การต่อต้านความเป็นเผด็จการอำนาจนิยมจากคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในรัสเซียอย่างถึงพริกถึงขิง ปราศจากความหวั่นกลัว สะท้อนให้เห็นได้จากความพยายามเพิ่มโทษทัณฑ์สำหรับการกระทำความผิดลหุโทษทั้งหลายจนหนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น “มาตรฐานเหลือเชื่อเกินจริง” สำหรับสังคมโลกทั่วไปไปแล้ว

การร่วมอยู่ในการชุมนุมทางการเมือง ระหว่างโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 8 ปี ด้วยความผิดฐาน “ร่วมก่อความไม่สงบขนานใหญ่, การทวีตข้อความที่ “กระทบต่อความสงบ” จำคุก 5 ปี, ใช้สเปรย์พริกไทยต่อต้านการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำคุก 3 ปี แม้แต่ใครก็ตามที่ปัดมือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยึดกุมมือแขนขาของตนให้หลุดพ้นออกไป ระวางโทษจำคุกได้สูงสุดถึง 2 ปี

เหตุผล? เพราะความกลัว จำเป็นต้องเกิดขึ้น คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้ รู้จักและจดจำ ความกลัวให้ได้ และสิ่งที่เคยทำ เคยก่อให้เกิดความกลัวกับคนเจเนอเรชันที่ผ่านมา ในวันนี้ ไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้ว

คำถามก็คือ วิธีใหม่ การจัดการใหม่ การลงโทษแบบใหม่ที่หนักหน่วงกว่าเดิม ยืดยาวขึ้นกว่าเดิม จะให้ประสิทธิผลอย่างที่ต้องการหรือ?

จนถึงขณะนี้ ทั้งหมดนั้นยังไม่เป็นผลใดๆ ต่อ เยกอร์ ชูคอฟ

เมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านมา ศาลแขวงบาสแมนนี ในกรุงมอสโก พิพากษาให้ปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ เพียงแค่กักบริเวณให้อยู่แต่กับบ้านพักในระหว่างรอการดำเนินคดี ที่ถูกลดระดับลงมาเหลือเพียงการแสดงพฤติกรรม “ตามลัทธินิยมความรุนแรง” ออกมาในระหว่างการชุมนุม ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

เยกอร์ ชูคอฟ ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่ผู้สนับสนุนด้านหน้าศาลและภายนอกไชโยโห่ร้องให้กับชัยชนะเล็กๆ เบื้องต้นของเขา

ชัยชนะที่ยังคงเป็นชัยชนะ แม้จะเป็นการลดระดับจากการลงโทษบ้าบอคอแตกอย่างหนึ่ง ลงมาเป็นการลงโทษบ้าบอคอแตกอีกอย่างหนึ่งก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image