อาบีย์ อาห์เหม็ด นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปีย ได้รับเลือกให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ประจำปี 2019 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา
คณะกรรมการโนเบล ยกย่องนายกรัฐมนตรีอาบีย์ ในฐานะผู้ที่มีความ “พยายามสร้างสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อริเริ่มอันเด็ดเดี่ยวในการแก้ปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนกับเอริเทรีย”
อาบีย์ ผู้ได้รับการคาดหมายจากสำนักพนันว่ามีโอกาสได้รับรางวัลโนเบล เป็นอันดับที่ 2 รองจากเกรตา ธุนเบิร์ก นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมวัย 16 ปี ถูกมองว่าเป็นผู้นำยุคใหม่แห่งแอฟริกาและเป็นแสงสว่างของสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในแอฟริกา
นอกจากผลงานสร้างสันติภาพกับเอริเทรีย แล้ว อาบีย์ ผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แอฟริกาด้วยวัย 43 ปี ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะคนกลางเจรจาสันติภาพในประเทศซูดานอีกด้วย
อาบีย์ ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 นับเป็นนายกรัฐมนตรีจากชนเผ่าโอโรโม ชนเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดในเอธิโอเปีย คนแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากอาบีย์ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคแนวร่วมประชาธิปไตยปฏิวัติประชาชนเอธิโอเปีย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เมื่อวันที่ 27 มีนาคมปีเดียวกัน
หลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอาบีย์ ผู้มีแนวคิดก้าวหน้า เริ่มดำเนินการปล่อยตัวนักโทษการเมือง และผู้สื่อข่าวที่เคยถูกจับกุมคุมขังทั้งหมด พร้อมทั้งออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงการทรมาน การทารุนกรรมนักโทษที่เกิดขึ้นจริง นำไปสู่การประกาศปฏิรูปสถาบันด้านกระบวนการยุติธรรมและด้านความมั่นคงของประเทศอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ยังมีการเจรจาปรองดองกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เชื้อเชิญให้พรรคการเมืองและกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ระหว่างลี้ภัยในต่างประเทศกลับบ้านอีกครั้ง
นอกจากนี้อาบีย์ ยังเปิดทางให้ผู้หญิงได้มีโอกาสได้ทำงานในคณะรัฐมนตรีของเอธิโอเปียในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง รัฐสภาเลือกประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ และยังมีการเลือกประธานศาลสูงสุดของประเทศเป็นผู้หญิงเป็นครั้งแรกด้วย
ผลงานครั้งสำคัญของนายกรัฐมนตรีอาบีย์ มีขึ้นในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 เมื่ออาบีย์ ได้เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ กับนายอิไซอาส อัฟวาร์ดี ประธานาธิบดีเอริเทรีย ที่กรุงแอสมารา ประเทศเอริเทรีย สิ้นสุดสงครามระหว่างเอธิโอเปีย และเอริเทรีย ที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งช่วงปี 1998-2000 ลงอย่างเป็นทางการ
หลังสิ้นสุดสงครามสถานะของอาบีย์ และ เอธิโอเปีย ก็เปลี่ยนไป และทำให้ชาติในภูมิภาค “จงอยแอฟริกา” แห่งนี้กลายเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคในทันที
ปรากฎการณ์ อาบีย์ สั่นสะเทือนไปถึงเอริเทรีย จิบูตี รวมถึงโซมาเลีย
สายการบินเอธิโอเปีย ลงจอดในกรุงโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย เป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี จิบูตี กำลังหารือกับเอธิโอเปีย เพื่อเปิดทางให้เอธิโอเปีย ชาติที่ไม่มีชายฝั่งทะเลได้ใช้งานท่าเรือ ทำให้เห็นชัดเจนว่าสันติภาพนำมาซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตามมาอย่างชัดเจน
บทบาทของนายกรัฐมนตรีอาบีย์ ส่งผลให้เกิดความคาดหวังว่าวันหนึ่งแอฟริกาจะก้าวไปสู่สันติภาพได้ในไม่ช้า
“ผมพูดอยู่บ่อยๆว่าสายลมแห่งความหวังกำลังพัดแรงขึ้นทั่วภูมิภาคแอฟริกา นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาห์เหม็ด ก็คือหนึ่งในเหตุผลนั้น” นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติระบุ