| ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | ศรีสกุล ลีลาพีระพันธ์ |
| เผยแพร่ |
เมืองแทกู เมืองใหญ่อันดับ 4 ของเกาหลีใต้ กำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 หลังมีผู้ป่วยเป็นสตรีวัย 61 ปี ปฏิเสธการตรวจหาไวรัส จนกลายเป็นผู้แพร่เชื้อไปเป็นวงกว้าง ทำให้ทางการเกาหลีใต้ ประกาศให้เมืองแทกู เป็นเขต “รักษาพยาบาลพิเศษ” ร่วมกับเมืองชองโด อีกเมืองที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในตอนนี้
เมืองแทกู เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของเกาหลีใต้ รองจากกรุงโซล (อันดับ1) ปูซาน และอินชอน โดยเมืองแทกู มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2.5 ล้านคน เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจรถยนต์แห่งเกาหลี ในช่วงทศวรรษ 1960-1980 และยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
และด้วยความที่เมืองแทกู อยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น ทำให้ปลูกแอปเปิลที่มีคุณภาพสูงได้ จนกลายเป็นที่มาของชื่อเมืองที่เรียกกันว่า “เมืองแอปเปิล”
แทกู ยังรู้จักกันในชื่อของ “เมืองแห่งสิ่งทอ” ที่ไว้ใช้สำหรับอุตสาหกรรมหมอนของเมืองแทกู
ปัจจุบัน แทกู กำลังพุ่งเป้าไปสู่การเป็นเมืองแห่งแฟชั่นและไฮเทค!!
จากที่มีผู้คนอยู่พลุกพล่านตามท้องถนน ตอนนี้ เหมือนกับเป็น “เมืองร้าง” ไร้ผู้คน ซึ่งหนึ่งในชาวเมืองบอกว่า “เหมือนมีใครทิ้งระเบิดกลางเมือง แล้วทำให้กลายเป็นเมืองร้าง แม้แต่ถนนดอซอง โร ที่เคยมีผู้คนอยู่มากมาย ก็กลายเป็นถนนที่ว่างเปล่า”
ตอนนี้ ทางการเมืองแทกู ได้สั่งให้ปิดโรงเรียนอนุบาลทั้งหมด ขณะที่สถาบันการศึกษาอื่นๆ จะเลื่อนการเปิดเทอมออกไป จากเดิมจะเปิดต้นเดือนมีนาคม ให้เลื่อนออกไปอีก 1 สัปดาห์
ส่วนกระทรวงกลาโหมได้สั่งห้ามเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำอยู่ที่เมืองแทกู ออกจากค่ายทหาร และห้ามรับแขกใดๆทั้งสิ้น หลังจากมีรายงานพบทหารนายหนึ่งที่เพิ่งกลับบ้านเกิดที่เมืองแทกู ติดเชื้อโควิด-19
เช่นเดียวกับกองทัพสหรัฐที่ประกาศมาตรการจำกัดการเดินทางของทหารในฐานทัพที่เมืองแทกูเช่นกัน
นายควอน ยอง จิน นายกเทศมนตรีเมืองแทกู ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ภายในที่พักของตัวเอง เนื่องจากขณะนี้เมืองแทกูกลังเผชิญกับวิกฤตที่ไม่คาดคิดมาก่อน หลังพบผู้ที่เข้าร่วมพิธีในโบสถ์ของลัทธิชินชอนจิ ติดเชื้อจำนวนมาก และยังมีอีกหลายคนที่เริ่มมีอาการป่วย
ตอนนี้ จากเมืองอุตสาหกรรม แทกู ก็ได้กลายเป็นเมืองร้างอีกเมืองไปเรียบร้อย ด้วยฤทธิ์ของไวรัสร้าย
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
