คอลัมน์ People In Focus : มูฮิดดิน ยาสซิน ผู้ปาดหน้ายึดเก้าอี้นายกฯมาเลเซีย

คอลัมน์ People In Focus : มูฮิดดิน ยาสซิน ผู้ปาดหน้ายึดเก้าอี้นายกฯมาเลเซีย

มูฮิดดิน ยาสซิน อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซีย อาศัยช่วงเวลาความวุ่นวายระหว่างการต่อรองอำนาจระหว่างพรรคเบอร์ซาตู ของมหาธีร์ มูฮัมหมัด และพรรคปากาตัน ฮาราปัน ของอันวาร์ อิบราฮิม ปาดหน้าคว้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปครองแบบเจ็บแสบ

มูฮิดดิน นักการเมืองวัย 72 ปี เคยเป็นพันธมิตรกับพรรคอัมโน ของนายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่โดนคดีทุจริตยักยอกทรัพย์จากกองทุน “1เอ็มดีบี” คดีซึ่งนายนาจิบ กำลังถูกดำเนินคดีกว่า 40 กระทงความผิดในเวลานี้
หลังเรื่องอื้อฉาว “1เอ็มดีบี” มูฮิดดิน ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกีฬา รัฐมนตรีศึกษาธิการ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในยุคของนายนาจิบ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายนาจิบ อย่างหนักจนกระทั่ง มูฮิดดิน ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

หลังจากนั้น มูฮิดดิน แปรพักตร์หันหลังให้พรรคอัมโน ออกมาร่วมพรรคเบอร์ซาตู ของมหาธีร์ มูฮัมหมัด ที่หันหลังให้นาจิบมาก่อนหน้านั้น โดยเบอร์ซาตู จับมือกับปากาตัน ฮาราปัน ตั้งรัฐบาลผสมหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2018 การเลือกตั้งที่เป็นการพ่ายแพ้ของพรรคอัมโนครั้งแรกในรอบ 60 ปี ขณะที่มหาธีร์ มูฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยตกลงที่ส่งต่อตำแหน่งนายกรับมนตรีให้อันวาร์ อิบราฮิมในช่วงครึ่งหลังของวาระดำรงตำแหน่ง

กระทั่งเกิดความวุ่นวายการทางการเมืองขึ้นเมื่อมหาธีร์ มูฮัมหมัด ประกาศลาออกจากตำแหน่งกระทันหันเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยหวังจะรวมอำนาจให้อยู่ในมือทว่าเมื่อไม่สามารถรวมเสียงได้ แม้จะกลับมาจับมือกับอันวาร์ อีกครั้งก็สายไปแล้ว

Advertisement

มูฮิดดิน อดีตมุขมนตรีรัฐยะโฮร์ พื้นที่ของชาวมาเลย์มุสลิม ตอนใต้ของประเทศ ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคอัมโน ด้วยการเป็นนักการเมืองสาย “ชาตินิยมมาเลย์” เคยประกาศแนวคิด “ชาวมาเลย์ต้องมาก่อน” นโยบายเพื่อเอาใจประชากรส่วนใหญ่ของประเทศที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ นอกเหนือไปจากชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน และอินเดีย ซึ่งไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม

แนวคิดทางการเมืองของมูฮิดดิน นักการเมืองเคร่งศาสนาที่เป็นคนเงียบๆ ถูกมองว่าอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในประเทศที่ประเด็นเรื่องเชื้อชาติและศาสนาเป็นประเด็นอ่อนไหว

อีกหนึ่งเหตุผลที่มูฮิดดินสามารถปาดหน้ามหาธีร์ นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีก็คือ การที่รัฐบาลมาเลเซียถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนเชื้อสายมาเลย์ว่าถูกครอบงำโดยนักการเมืองเชื้อสายจีนมากเกินไป และไม่สามารถปกป้องสิทธิพิเศษของชาวมาเลย์เช่นการได้รับเลือกให้เข้าทำงานราชการก่อน หรือการได้รับส่วนลดในการซื้ออสังหาริมทรัยพ์ เหนือคนมาเลเซียเชื้อชาติอื่นๆ เอาไว้ได้

Advertisement

นั่นทำให้มูฮิดดิน สามารถรวมรวมเสียงเข้ารับพิจารณาโปรดเกล้าจากกษัตริย์มาเลเซีย ขึ้นนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนใหม่ในที่สุด

อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาดูสถานการณ์การเมืองในมาเลเซียต่อไปว่า มูฮิดดิน จะสามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หลังจากมหาธีร์ ออกมาโจมตีว่ากระบวนการขึ้นสู่ตำแหน่งของมูฮิดดินนั้น ผิดกฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image