ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ศรีสกุล ลีลาพีระพันธ์ |
เผยแพร่ |
คอลัมน์แกะรอยต่างแดน : เมื่อทะเลเซโตะ สะอาดเกินไป จนอาจเป็นอันตรายต่อการประมง
อันที่จริงแล้ว โดยทั่วไป ถ้าทะเลใสแจ๋ว คงเป็นเรื่องดี สำหรับการเล่นน้ำ
แต่ที่ “ทะเลเซโตะ” ทะเลภายในบริเวณนอกชายฝั่งตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น กำลังอยู่ในสถานะ “สะอาดเกินไป” โดยมีปริมาณของแร่ธาตุต่างๆน้อยลง ทั้งเกลือ ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส
เหล่านี้ ส่งผลต่อการเติบโตของฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลที่เกิดการเปลี่ยนสี และส่งผลกระทบต่อไปยังปริมาณของปลาในทะเล ที่กำลังลดลงไปด้วย เนื่องจากสารอาหารที่น้อยลงในทะเล
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น ก็เลยต้องพิจารณาหาทางผ่อนคลายมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมบริเวณดังกล่าว เพื่อทำให้ทะเลมีแร่ธาตุต่างๆมากขึ้น
โดยกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ใช้กันอยู่ในญี่ปุ่น ถูกตราขึ้นเป็นกฎหมายเมื่อปี ค.ศ.1973 หลังจากสภาพแวดล้อมทางทะเลภายในของญี่ปุ่นอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ลง เนื่องจากการปล่อยน้ำเสียของภาคอุตสาหกรรม ในช่วงที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ได้มีการตั้งเป้าหมายในการลดปริมาณเกลือ ที่เป็นสาเหตุทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสี ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดมีการตั้งเป้าในการจำกัดปริมาณการปล่อยน้ำเสียโรงงานบำบัดสิ่งปฏิกูลลงสู่ทะเล
แต่ในขณะที่การลดลงของเกลือ ทำให้ภาวะการเปลี่ยนสีของน้ำทะเลลดลง ก็ยังส่งผลด้านลบต่อสาหร่ายทะเลและอุตสาหกรรมการทำประมง
รายงานที่มีออกมาจากแหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่น ระบุว่า เพื่อทำให้เกิดความสมดุลย์ ระหว่างความต้องการทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรมประมง ทางกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นจึงกำลังวางแผนเพื่อให้ยังคงไว้ซึ่งกรอบของกฎหมายที่มีอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้มีการเพิ่มปริมาณของเกลือในทะเลให้มากขึ้น
โดยแต่ละจังหวัดและเขตเทศบาลต่างๆบริเวณพื้นที่ชายฝั่งตามแนวทะเลในภายใน จะต้องมีตั้งเป้าหมายของตัวเองในการเพิ่มความหนาแน่นของเกลือในทะเล เพื่อความอยู่รอดของสาหร่ายทะเลและปลาในน้ำทะเล
ซึ่งต้องให้มีการปล่อยน้ำเสียออกจากโรงงานบำบัดน้ำเสีย เขื่อน และอ่างเก็บน้ำ
ทั้งนี้ เพื่อทำให้น้ำทะเล “สกปรก” ขึ้นบ้าง