โกลบอลโฟกัส : “ไอเอส-เค” รัฐอิสลามแห่งโคราซาน

เอเอฟพี

“ไอเอส-เค” รัฐอิสลามแห่งโคราซาน

เหตุการณ์ระเบิดที่ท่าอากาศยานนานาชาติ ฮามิด คาไซ ในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ส่งผลให้ชื่อ “ไอเอส-เค” หรือ “ไอซิส-เค” หรือ “รัฐอิสลามแห่งโคราซาน” เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
สภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความอำมหิต เลือดเย็นของ “มูจาฮิดีน” กลุ่มนี้ ที่เจตนา “ทำลาย” โดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายว่า จะรวมเอาผู้หญิงและเด็กๆ ที่บริสุทธิ์ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เข้าไปด้วยเป็นจำนวนมาก
ขอเพียงได้บรรลุถึงเจตนารมณ์สร้างความหวั่นกลัว หวาดผวา ให้เกิดขึ้นก็เพียงพอแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึง “ศักยภาพ” ในการก่อการร้ายของ ไอเอส-เค พร้อมๆ กับก่อให้เกิดคำถามขึ้นตามมาว่า ในอนาคตอันใกล้ เมื่ออัฟกานิสถานตกอยู่ภายใต้การปกครองของระบอบทาลิบัน
ไอเอส-เค จะเติบใหญ่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นภัยอันตรายที่ใหญ่หลวงกว่า สำหรับโลกทั้งโลกหรือไม่?
คำตอบเบื้องต้นของผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อการร้ายหลายคนระบุตรงกันว่า มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง ที่ประวัติศาสตร์จะเกิดซ้ำรอย กับกรณีของกองกำลังติดอาวุธ กลุ่ม อัลเคด้า ในอัฟกานิสถานเมื่อกว่า 20 ปีก่อน
ที่เปล่งอานุภาพสูงสุดขึ้นภายใต้การปกครองของระบอบทาลิบัน ด้วยการวางแผนและลงมือปฏิบัติการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลกอย่างเหตุการณ์ 9/11 ได้เป็นผลสำเร็จ
9/11 เป็น “ปฏิบัติการส่งออก” จากอัฟกานิสถาน ที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
เมื่อ อัลเคด้า ทำได้ ทำไม ไอเอส-เค จะลงมือปฏิบัติการทำนองเดียวกันไม่ได้

******

เมื่อปี 2014 กองกำลังติดอาวุธนิยมแนวทาง ทาลิบัน ในปากีสถาน ที่เรียกตัวเองว่า เตห์ริค-อี ทาลิบัน ปากีสถาน (ทีทีพี) จำนวนหนึ่งภายใต้การนำของ “ฮาฟิซ ซาอีด ข่าน” ตัดสินใจหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ความมั่้นคงปากีสถานข้ามแดนเข้าสู่พื้นที่ จังหวัดนันกาฮาร์ ทางด้านตะวันออกของ อัฟกานิสถาน
เดือนตุลาคม ปีเดียวกันนั้น ฮาฟิซ ซาอีด ข่าน นำกองกำลังติดอาวุธทั้งหมด ประกาศสาบานการจงรักภักดีต่อ “อาบู บักการ์ อัล-บักห์ดาดี” ผู้นำกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่เป็นผู้นำสูงสุดของ “รัฐกาหลิบอิสลาม” แห่ง “เลแวนต์” อาณาจักรอิสลามในปี ค.ศ. 929-1031 ซึ่งสถาปนาขึ้นอีกครั้งในซีเรียและอิรัก
ปี 2015 อัล-บักห์ดาดี ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการขยายดินแดนของรัฐกาหลิบอิสลามเข้ามาสู่ “โคราซาน” ดินแดนอิสลามในเอเชียกลางในอดีตที่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่อิหร่าน, เอเชียกลาง, อัฟกานิสถาน และ ปากีสถานขึ้น ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกาหลิบอิสลามใหม่
แต่งตั้ง ฮาฟิซ ซาอีด ข่าน เป็น “เอมีร์” หรือ เจ้าผู้ครองนคร ของจังหวัดโคราซานใหม่เป็นคนแรก มีการก่อตั้ง สภาชูรา หรือ สภาผู้นำ แห่งโคราซานขึ้นเป็นองค์กรปกครองสูงสุดตามมา
ไอเอส-เค หรือ กองกำลังรัฐอิสลามแห่งโคราซาน ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่บัดนั้น
ฮาฟิซ ซาอีด ข่าน เสียชีวิตภายใต้การโจมตีทางอากาศของกองกำลังสหรัฐอเมริกาในอัฟกานิสถานเมื่อ 26 กรกฎาคม 2016 หลังจากนั้น เอมีร์ ใหม่ อีกหลายคนก็ลงเอยด้วยชะตากรรมเดียวกัน
ตั้งแต่ อับดุล ฮาซิบ ในเดือนเมษายนปี 2017, อาบู ซายิด ในเดือนกรกฎาคม 2017 และ ล่าสุด คือ อาบู ซาอัด โอรักซาอี ที่ถูกสังหารไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2018
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้นำกองกำลังท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ในการก่อการร้ายและสงครามกองโจรมามากมาย ทั้งในอัฟกานิสถานเอง ในปากีสถาน และ อุซเบกิสถาน ก่อนที่จะเข้าร่วมกับ ไอเอส-เค
ซึ่งสะท้อนให้เห็นการดึงดูดเอากองกำลังก่อการร้ายจำนวนมากมาเข้าร่วม ภายใต้การสนับสนุนทางการเงิน, คำแนะนำ และ การฝึก เป็นอย่างดีจาก กองกำลังรัฐอิสลามในซีเรียและอิรัก
เมื่อ ไอเอส ในซีเรียและอิรัก เสียดินแดนมากขึ้นเรื่อยๆ บรรดาแกนนำถึงกับได้กำหนดแนวทาง “อำนวยความสะดวก” สำหรับผ่องถ่ายกองกำลังในเลแวนต์ มายังอัฟกานิสถาน
บทวิเคราะห์ของซีเอสไอเอสเมื่อปี 2018 ระบุว่า ถึงที่สุดแล้ว ไอเอส “ลงทุน” ให้เงินสนับสนุน ไอเอส-เค ในอัฟกานิสถานเป็นจำนวนนับร้อยล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

******

Advertisement

หลังการสถาปนาอย่างเป็นทางการในปี 2015 ไอเอส-เค ขยายตัวอย่างรวดเร็ว สร้างอิทธิพลครอบงำเหนือพื้นที่ชนบททางตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน
ที่มั่นสำคัญยังคงอยู่ที่ นันการ์ฮาร์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยเป็นฐานสำคัญของกลุ่มอัลเคด้าในอัฟกานิสถาน อย่าง “โทรา โบรา” ซึ่งเป็นทิวเขา-หุบเหว สลับซับซ้อน เต็มไปด้วยถ้ำธรรมชาติสำหรับใช้หลบซ่อนจากการโจมตีทางอากาศได้เป็นอย่างดี
ไอเอส-เค ปฏิบัติการอย่างเด็ดขาด อำมหิต โจมตีทั้้งต่อชนกลุ่มน้อยต่างๆ (ฮาซารา, สิกข์, ชีอะต์) ลงมือในที่สาธารณะ โรงเรียน และสถานที่ราชการในเมืองน้อยใหญ่ทั่วทั้งอัฟกานิสถานและปากีสถาน
ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมีตั้งแต่นักเรียนสตรี, ผู้สื่อข่าว, เจ้าหน้าที่อาสาสมัครให้ความช่วยเหลือจากนานาชาติ, เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และ เจ้าหน้าที่และสถานที่ราชการต่างๆ
ใช้เวลา เพียง 3 ปี ในปี 2018 สถาบันเพื่อเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (ไออีพี) ซึ่งจัดทำดัชนีกลุ่มก่อการร้ายโลก ก็จัดให้ ไอเอส-เค เป็นกลุ่มก่อการร้ายอันดับที่ 4 ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในโลก
ไอเอส-เค ยังคงใช้ความเชี่ยวชาญ ชำนิชำนาญส่วนบุคคลของสมาชิกในการปฏิบัติการก่อการร้าย และ อาศัย “สลีปเปอร์เซลล์” หน่วยก่อการร้ายย่อยๆ ที่ฝังตัวอยู่ในพื้นที่เป้าหมาย เป็นหลักสำคัญในการลงมือจนประสบความสำเร็จหลายครั้ง
ในปี 2017-2018 ไอเอส-เค ใช้การก่อการร้ายต่อพลเรือนถึง 84 ครั้งในอัฟกานิสถานและอีก 11 ครั้งในปากีสถาน เฉพาะในอัฟกานิสถานมีพลเรือนเสียชีวิตมากถึง 819 คนใน 15 จังหวัด
เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาว่า ปฏิบัติการของไอเอส-เค ไม่เลือกเป้า ไม่สนใจผลข้างเคียงใดๆ ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิตกว่ากองกำลังติดอาวุธอีกหลายต่อหลายกลุ่ม รวมทั้ง ทาลิบัน
การขยายพื้นที่อิทธิพลของ ไอเอส-เค ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับ นักรบทาลิบัน อย่างช่วยไม่ได้ แต่ปัญหาขัดแย้งระหว่าง ไอเอส-เค กับ ทาลิบัน ลึกซึ้งยิ่งกว่าการแย่งชิงดินแดนกันปกติธรรมดา เป็นความขัดแย้งที่ฝังลึกอยู่ในอุดมการ หลักปฏิบัติและเป้าหมายถึงที่สุดที่วางเอาไว้ของไอเอส-เค
ในขณะที่เป้าหมายของทาลิบัน จำกัดอยู่ที่การได้อำนาจรัฐมาอยู่ในมือ เพื่อสถาปนาอัฟกานิสถานขึ้นให้เป็นรัฐที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลาม (ชาเรีย หรือ ชารีอะห์)
เป้าหมายถึงที่สุดของไอเอส-เค ไปไกลกว่านั้นมาก
ไอเอส-เค ตั้งเป้าหมายสถาปนา “รัฐกาหลิบอิสลาม” ขึ้น กินพื้นที่ครอบคลุมตั้งแต่ เอเชียใต้ทั้งหมดไปจนถึงเอเชียกลางทั้งหมด เป็นรัฐกาหลิบอิสลาม ที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลาม ที่ตีความจนสุดโต่งของไอเอส
ก่อนที่จะขยายออกไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ และครอบคลุมทั่วทั้งโลกในที่สุด
ในสารที่เผยแพร่ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ ของไอเอส-เค ยังพูดถึง การชักธง “อัล-อูคบ” ขึ้นเหนือ “นครเยรูซาเล็ม” และ “ทำเนียบขาว” ที่หมายถึงการพิชิต อิสราเอล และ สหรัฐอเมริกา ให้ “ราบคาบ” อีกด้วย
อุดมการสำคัญของไอเอา-เค ก็คือการ “กำจัด” บรรดา “ผู้รุกรานนอกรีต” รวมทั้ง “มุสลิมที่ละทิ้งหลักการ” หรือ “อะโพสเทต” ออกไปจากดินแดน โคราซาน ให้หมดสิ้น
มุสลิมที่ละทิ้งหลักการ ที่ว่านี้ กินความรวมตั้งแต่บรรดาชนกลุ่มน้อย ที่นับถือศาสนาอื่น หรือนับถือศาสนาอิสลามนิกายอื่น ไปจนถึงพวกสุหนี่มุสลิมที่ “สมคบคิด” กับตะวันตก และ ทาลิบัน ที่อ่อนแอ และละทิ้งหลักการ การสถาปนารัฐอิสลามที่ยิ่งใหญ่ในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง
คนเหล่านี้ล้วน “สมควรตาย” และ ฆ่าได้โดย “ไม่ผิดบาป” ใดๆ ทั้งสิ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image