คอลัมน์ People In Focus: “แบรนเจลินา” คู่รักทรงอิทธิพลแห่งฮอลลีวู้ด

“แบรนเจลินา” สรรพนามเรียกคู่รักแห่งวงการบันเทิงอเมริกันอย่าง แบรด พิตต์ และ แองเจลินา โจลี เป็นที่จับจ้องของคนทั่วโลก

นับตั้งแต่ทั้งคู่โคจรมาพบกันเมื่อกว่า 10 ปีก่อน เรื่องราวของพิตต์และโจลี กลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในวงการบันเทิงในเวลานั้น ก่อนที่จะกลายเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจหย่าขาดจากกันอย่างเป็นทางการ

ความรักของ “แบรนเจลินา” เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2547 เมื่อพิตต์ในวัย 40 และโจลีในวัย 28 โคจรมาพบกันในภาพยนตร์เรื่อง “มิสเตอร์ แอนด์ มิสซิสสมิธ” ภาพยนตร์ที่ทั้งคู่เล่นเป็นสามีภรรยากัน

โจลีเคยให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์สในปี 2552 ว่า เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่ลูกๆ ของตนได้ดูภาพยนตร์ที่ “พ่อและแม่ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน” นั่นส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเพราะในช่วงเวลาที่ถ่ายทำ พิตต์เป็นสามีของ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน คู่รักที่โด่งดังที่สุดคู่หนึ่งของวงการ

Advertisement

ในปี 2548 พิตต์และอนิสตันจะประกาศหย่าขาดจากกันช็อกวงการบันเทิงอเมริกัน ตามมาด้วยข่าวการคบหากันระหว่างพิตต์และโจลีในอีกไม่กี่เดือนต่อมา เป็นจุดเริ่มต้นของคู่รักฮอลลีวู้ดที่อื้อฉาวที่สุดคู่หนึ่งเท่าที่เคยมีมาในนาม “แบรนเจลินา”

พิตต์และแองเจลินาคบหากันอยู่นานหลายปี มีลูก 6 คน เป็นลูกที่มาจากสายเลือด 3 คน และลูกที่รับเลี้ยงอีก 3 คน ก่อนจะแต่งงานกันในปี 2557

“แบรนเจลินา” มีความโด่งดังที่เป็นแบบฉบับเฉพาะ สามารถทำรายได้จากภาพลูกๆ ในสายเลือดที่เพิ่งเกิดได้จากบรรดาสื่อบันเทิงได้อย่างมหาศาล เช่น การทำรายได้จากภาพลูกคนแรกอย่าง “ชีโลห์” และภาพของลูกแฝดอย่าง “วิเวียน” และ “น็อกซ์” ได้เงินรวมถึง 22 ล้านดอลลาร์หรือราว 765 ล้านบาท

นอกจากผลงานการแสดงของทั้งคู่ ผลงานนอกจอก็เป็นที่กล่าวขวัญถึงเมื่อพิตต์ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปี 2557 จากภาพยนตร์ที่พิตต์นั่งเป็นผู้อำนวยการสร้างอย่าง “12 Years A Slave” โดยพิตต์มีส่วนร่วมในการออกแบบเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผมนักแสดงด้วย ขณะที่ โจลีรับบทบาทในฐานะผู้กำกับในภาพยนตร์เรื่อง “Unbroken” ออกฉายในปีเดียวกันก็ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์เช่นกัน

โจลีที่ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของ “แบรนเจลินา” เป็นที่รู้จักในการทำงานด้านมนุษยธรรมมากกว่าพิตต์ โดยโจลีรับหน้าที่เป็นผู้แทนพิเศษของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ทำหน้าที่กระบอกเสียงในการต่อต้านความรุนแรงทางเพศในพื้นที่สงคราม รวมไปถึงทำงานเพื่ออนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ด้วย

โจลีกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ด้วยการตัดเต้านมออกทั้งสองข้างในปี 2556 ก่อนจะตัดรังไข่ออกในอีกสองปีต่อมา พร้อมรณรงค์ให้ผู้หญิงดำเนินรอยตามเพื่อลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งลง โดยโจลีระบุว่า “ความรู้คือพลัง”

จุดจบของ “แบรนเจลินา” ภาพของโจลีที่สะท้อนความเป็นผู้นำครอบครัวยังคงอยู่ และก็เป็นโจลีเองที่เป็นผู้ดำเนินคดีฟ้องหย่าและขอสิทธิเลี้ยงดูลูกแต่เพียงผู้เดียว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image