คอลัมน์ People In Focus : คังคุไบ กฐิยาวาฑี เรื่องจริงที่อิงนิยายวีรสตรีแห่งมุมไบ
กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “คังคุไบ กฐิยาวาฑี หญิงแกร่งแห่งมุมไบ” ที่กำลังได้รับความนิยมผ่านสตรีมมิ่งดังอย่าง “เน็ตฟลิกซ์” ทะยานขึ้นอันดับ 1 ในประเทศไทยและในอีกหลายๆ ประเทศ
ภาพยนตร์ที่แสดงนำโดย “อาเลีย บาตต์” นักแสดงดังแห่งบอลลีวู้ด ทำให้ชื่อของ “คังคุไบ” นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของหญิงขายบริการในยุคทศวรรษที่ 60 กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลกในทันที
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังกลายเป็นศูนย์กลางของการฟ้องร้องจากลูกบุญธรรมของคังคุไบ ที่ระบุว่าเรื่องราวที่ว่าคังคุไบถูกขายไปในฐานะโสเภณีนั้นไม่เป็นความจริง สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัว และต้องการให้ยุติการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
ภาพยนตร์ “คังคุไบ กฐิยาวาฑี หญิงแกร่งแห่งมุมไบ” สร้างขึ้นจากนิยายเรื่อง “Mafia Queen of Mumbai” เขียนโดยนักข่าวที่ชื่อ “ฮุสเซน ไซดี” อ้างอิงถึงเรื่องราวชีวิตจริงบางส่วนของ คังคุไบ ฮาร์จีวันดัส หรือที่รู้จักกันอีกชื่อ คังคุไบ กฐิยาวาฑี โดยหนังสือเล่าเรื่องราวชีวิตของ คังคุไบ จากภรรยาวัย 16 ปีที่มีความฝันอยากเป็นดาราบอลลีวู้ด ถูกสามีหลอกพาตัวไปขายให้กับสถานบริการด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท
คังคุไบ ต้องทำงานในสถานบริการในเมืองกามธิปุระตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 ไต่เต้าขึ้นเป็นเจ้าของธุรกิจค้าประเวณีได้ในเวลาต่อมา ก่อนจะก้าวหน้าสู่การเป็นมาเฟียแห่งย่านโคมแดงในเมืองนี้ได้
คังคุไบ ใช้อิทธิพลและสายสัมพันธ์กับมาเฟียใหญ่ในพื้นที่ก้าวสู่การเป็นนักการเมืองเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้ค้าบริการทางเพศที่ได้รับการยกย่องจากคนในพื้นที่ในที่สุด
อย่างไรก็ตามเรื่องจริงในประวัติศาสตร์เป็นอย่างไรไม่มีใครรู้เนื่องจากไร้บุคคลร่วมสมัยที่จะยืนยันเรื่องดังกล่าวได้แล้วในเวลานี้
คังคุไบเสียชีวิตลงในปี 1977 ด้วยวัย 69 ปี โดยที่ไม่มีทายาทสืบสกุล แต่ยังคงเป็นที่จดจำในฐานะผู้หญิงคนแรกๆที่ต่อสู้เพื่อสิทธิและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ค้าบริการทางเพศในประเทศอินเดียที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด
ล่าสุด บาบู ราวจี ชาห์ หนึ่งในผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นลูกชายบุญธรรมของคังคุไบ และภารตี โสณวรรณี หลานสาวได้ออกมาฟ้องร้อง ซันเจย์ ลีลา ภันสลี ผู้กำกับภาพยนตร์และอาเลีย บาตต์ นักแสดงนำของเรื่อง โดยระบุว่าภาพยนตร์กล่าวหาว่าแม่ของตนเป็นโสเภณีทำให้ครอบครัวเสียชื่อเสียงและสร้างความเดือดร้อนจากการโดนดูถูก
อย่างไรก็ตามสุดท้ายศาลสูงสุดอินเดียพิพากษาเป็นอันสิ้นสุดให้หนังฉายต่อไปได้ เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถหาหลักฐานว่าภาพยนตร์สร้างความเสียหายให้กับครอบครัวอย่างไร และโจทก์ไม่สามารถหาหลักฐานได้ว่าเป็นลูกบุญธรรมของคังคุไบจริง