เปิดดู “กฎหมายกัญชา” ประเทศไหนใช้ได้แล้วบ้าง

A

เปิดดู “กฎหมายกัญชา” ประเทศไหนใช้ได้แล้วบ้าง

กัญชาเป็นพืชล้มลุกที่มีใบแตกเป็นแฉก และเคยอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ในกัญชามีสารเคมีที่สำคัญได้แก่ “แคนนาบินอยด์” โดยสารสำคัญในกลุ่มนี้คือสารทีเอชซี ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ต่อมาเมื่อมีการค้นคว้าเกี่ยวกับฤทธิ์ของทีเอชซีก็นำไปสู่การผลิตยา “โดรนาบินอยด์” ซึ่งมีส่วนประกอบของทีเอชซี เพื่อใช้กับผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาโดยเคมีบำบัดเพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน และทำให้เพิ่มความอยากอาหารในผู้ป่วยเอดส์ด้วย

เมื่อสูบกัญชาเข้าสู่ร่างกายสารทีเอชซีจะแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดภายใน 2-3 นาทีและออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง

เมื่อสูบกัญชาจะมีอาการเคลิ้ม ทำให้ผู้สูบรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอยสงบลง หรือบางคนอาจรู้สึกล่องลอย และหัวเราะ กล่าวคือกัญชามีฤทธิ์คล้ายยากระตุ้นประสาท ยากดประสาท ยาหลอนประสาท ยาแก้ปวดและยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท

ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกเริ่มอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์แล้ว และในบางประเทศอนุญาตให้ใช้เพื่อความบันเทิงด้วย โดยไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียและประเทศล่าสุดที่อนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ และยังซื้อขาย ปลูกกัญชาได้ และไม่มีความผิดหากใช้กัญชา

Advertisement

ขณะนี้ประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อความบันเทิง ได้แก่ แคนาดา จอร์เจีย มอลตา เม็กซิโก แอฟริกาใต้ อุรุกวัย รัฐแคปิตอลเทอร์ริทอรีของออสเตรเลีย และพื้นที่ 19 รัฐ 2 ดินแดน และเขตดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย ซึ่งเป็นที่ตั้งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา

ส่วนประเทศที่อนุญาตให้ใช้ในการแพทย์ได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บาร์บาโดส บราซิล แคนาดา ชิลี โคลอมเบีย คอสตาริกา โครเอเชีย ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอกวาดอร์ ฟินแลนด์ เยอรมนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิสราเอล อิตาลี จาไมกา เลบานอน ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มาลาวี มอลตา เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์ธมาซิโดเนีย นอร์เวย์ ปานามา เปรู โปแลนด์ โปรตุเกส รวันดา เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ซานมาริโน ศรีลังกา สวิตเซอร์แลนด์ ไทย สหราชอาณาจักร อุรุกวัย วานูอาตู แซมเบีย ซิมบับเวและ 37 รัฐ 4 ดินแดนและดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย ของสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตามในบางประเทศอนุญาตให้ใช้ได้แค่สารในกัญชาบางตัว เช่น เกาหลีใต้สามารถใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ได้เฉพาะสารแคนนาบินอยด์ (ซีบีดี) โดรนาบินอย และนาบิซิมอล

Advertisement

หากพูดถึงกัญชา หนึ่งประเทศที่มีชื่อเสียงด้านนี้มากที่สุดประเทศหนึ่งคงจะเป็น “เนเธอร์แลนด์” ตามกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ระบุไว้ว่า สามารถใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ได้ แต่การใช้เพื่อความบันเทิงอนุญาตให้ซื้อและบริโภคได้เฉพาะในร้าน “คอฟฟี่ช็อป” ซึ่งหมายถึงร้านที่สูบกัญชาโดยเฉพาะ ที่ได้รับอนุญาตจากทางการแล้ว สำหรับการครอบครองได้สูงสุด 5 กรัม ส่วนการปลูกอนุญาตให้ปลูกไม่เกิน 5 ต้นเฉพาะการปลูกที่ไม่เป็นไปในเชิงพาณิชย์

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์อนุญาตให้ขายกัญชาในร้านคอฟฟี่ช็อปตั้งแต่ปี 1976 แต่ไม่สามารถขายในรูปแบบอื่น หรือทำการขนส่งได้ สำหรับการใช้ทางการแพทย์ มีขึ้นตั้งแต่ปี 2003 โดยแพทย์จะเขียนใบสั่งยาในชื่อว่า “Mediwiet” สำหรับจ่ายกัญชาในร้านขายยาของเนเธอร์แลนด์

ขณะที่ประเทศ “มอลตา” มีกฎหมายควบคุมกัญชาคล้ายเนเธอร์แลนด์ และมีร้านจำหน่ายกัญชาโดยเฉพาะ โดยมอลตาอนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ และสำหรับความบันเทิง สามารถครอบครอง บริโภคและปลูกได้ แต่การกระจายสินค้าต้องผ่าน “แคนนาบิสคลับ” ซึ่งเป็นเหมือนตลาดกัญชาที่ดำเนินการโดยองค์กรไม่แสวงหากำไรเท่านั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ปี 2021 นายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต อเบลา ของมอลตา ประกาศข้อเสนอที่จะออกกฎหมายให้สามารถครอบครองกัญชาได้สูงสุด 7 กรัม และปลูกกัญชาได้สูงสุด 4 ต้น ต่อมาในเดือนธันวาคม ปี 2021 สภามอลตาอนุมัติกฎหมายและลงนามโดยประธานนาธิบดีจอร์จ เวลลา ในที่สุด

อีกหนึ่งประเทศที่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้กัญชาคือ “แคนาดา” เนื่องจากมีกฎหมายที่เปิดทางให้ใช้ได้ทั้งในทางการแพทย์และความบันเทิง

รัฐบาลแคนาดาประการกฎหมายเกี่ยวกับกัญชา เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ปี 2018 มีสาระสำคัญ คือ 1.สามารถถือครองกัญชาที่ผลิตอย่างถูกกฎหมายได้สูงสุด 30 กรัม 2.สามารถปลูกกัญชาได้สูงสุดบ้านละ 4 ต้น 3.อายุขั้นต่ำในการซื้อกัญชาอยู่ที่ 18 ปี และแต่ละรัฐสามารถเพิ่มอายุขั้นต่ำได้ อย่างไรก็ตามการผลิตกัญชาที่ได้รับอนุญาตแล้วอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลาง การกระจายสินค้าและการซื้อขายกัญชาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลท้องถิ่น

สำหรับกฎหมายควบคุมกัญชาใน “ชิลี” มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับกฎหมายกัญชาเสรีของไทย โดยกฎหมายของชิลีนั้นอนุญาตให้ใช้ทางการแพทย์ได้ การปลูกเพื่อการแพทย์อย่างถูกกฎหมายต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานเกษตรกรรมของชิลี และการขายกัญชาเพื่อการแพทย์จะซื้อได้ก็ต่อเมื่อมีใบจ่ายยาจากร้านขายยาแต่สำหรับการใช้เพื่อความบันเทิงนั้น อนุญาตเพียงการใช้ส่วนตัว การครอบครองและการปลูกเท่านั้นที่จะไม่มีความผิด

ขณะที่ “สหรัฐอเมริกา” การอนุญาตให้ใช้กัญชาแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ล่าสุดมี 19 รัฐ 2 ดินแดน และดิสตริกต์ออฟโคลัมเบีย ที่อนุญาตให้ให้กัญชาเพื่อความบันเทิงและใช้ได้ในทางการแพทย์ สำหรับการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ถูกกฎหมายใน 37 รัฐ 4 ดินแดน รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของประเทศ ส่วนในอีก 12 รัฐ และ 1 ดินแดนสามารถใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงได้ โดยไม่ถือเป็นความผิด อย่างไรก็ตามการใช้กัญชาภายใต้กฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐยังถือว่า กัญชายังอยู่ในบัญชียาเสพติดและห้ามยังใช้ในทางการแพทย์ด้วย

ที่ “เม็กซิโก” การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ถูกกฎหมาย แต่ไม่มีระบบการจ่ายกัญชา และห้ามขายกัญชา แต่สามารถครอบครอง บริโภคและปลูกได้โดยต้องได้รับอนุญาต โดยการครอบครางกัญชาไม่เกิน 5 กรัมถือว่าไม่มีความผิดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ต่อมาในปี 2015 ศาลสูงลงคะแนนเสียงเห็นชอบให้ผู้ที่ปลูกกัญชาเพื่อการใช้ส่วนตัวไม่เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และในปี 2018 ศาลสูงได้ยืนยันคำตัดสินอีกครั้งและขอให้สภานิติบัญญัติปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับกัญชา หลังจากที่สภานิติบัญญัติไม่สามารถแก้ไขได้ ศาลสูงได้ยกเลิกกฎหมายเกี่ยวกับการครอบครองกัญชาส่วนบุคคลและการปลูกกัญชา ส่วนประเทศแอฟริกาใต้สามารถใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ได้ แต่ไม่มีระบบการจ่ายกัญชาเป็นยา

สำหรับการใช้เพื่อความบันเทิง ในเม็กซิโก สามารถครอบครอง ปลูกและใช้ในพื้นที่ปิดได้ แต่ห้ามขาย โดยรัฐบาลได้ออกกฎหมายให้สามารถใช้เป็นการส่วนตัวและเพาะปลูกได้ตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2018

แม้ในไทยและหลายประเทศในโลกจะเปิดทางให้ใช้กัญชาอย่างเสรีแล้ว แต่เราก็ควรศึกษาหาข้อมูลให้เข้าใจถึงผลของกัญชาก่อนใช้ เพื่อสุขภาพของทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image