โฟกัสโลกรอบสัปดาห์ : ครบ 1 เดือนกราดยิงร.ร.มะกัน กับการเปลี่ยนแปลงกม.อาวุธปืน

แฟ้มภาพ รอยเตอร์

โฟกัสโลกรอบสัปดาห์ : ครบ1เดือนกราดยิงร.ร.มะกัน กับการเปลี่ยนแปลงกม.อาวุธปืน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม หรือเมื่อราว 1 เดือนก่อน เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมร็อบบ์ ในเมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลให้มีนักเรียนเสียชีวิต 19 คนและคุณครูเสียชีวิตอีก 2 คน นับเป็นเหตุกราดยิงครั้งเลวร้ายครั้งหนึ่งในสหรัฐ และยังเกิดขึ้นในโรงเรียนอีกด้วย ภายหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้นหลายภาคส่วนได้มีการพัฒนา ปรับปรุงและแก้ไขมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุในลักษณะนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงแนวทางปฏิบัติของตำรวจต่อเหตุกราดยิง โดยให้บุกเข้าไปให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันการสูญเสีย เพราะในเหตุสะเทือนขวัญที่โรงเรียนในครั้งนี้ ตำรวจเข้าไปหามือปืนช้า ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้น นอกจากนี้ที่เม็กซิโกยังมีโครงการที่ให้เด็กๆ นำของเล่นที่เป็นปืนมาแลกกับของเล่นชนิดอื่นๆ เพื่อหวังว่าจะช่วยลดความรุนแรงและลดความหมุกหมุ่นในปืนของเด็กๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความรุนแรงจากอาวุธปืนได้จริงๆก็คือ การแก้ไขกฎหมายการครอบครองและการใช้ปืน เพราะภายหลังเหตุกราดยิงในโรงเรียนดังกล่าว ยังคงมีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้งตามปกติ และยังไม่มีแนวโน้มที่เหตุกราดยิงจะลดลง โดยขณะนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วในแคนาดาและสหรัฐ

โดยในสหรัฐการเข้าถึงปืนอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายภายใต้กฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลาง กฎหมายเหล่านี้ควบคุมตั้งแต่การผลิต การค้า การครอบครอง การส่งมอบ การบันทึกข้อมูล การขนส่ง และการทำลายอาวุธปืน กระสุนและอุปกรณ์อื่นๆ กฎหมายเหล่านี้ถูกบังคับใช้ภายใต้หน่วยงานของรัฐและสำนักงานแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืนและระเบิด (เอทีเอฟ) นอกจากจะมีกฎหมายอาวุธปืนของรัฐบาลกลางแล้ว รัฐบาลท้องถิ่นยังสามารถออกกฎหมายควบคุมปืนในพื้นที่ของตัวเองได้ด้วย

โดยผู้ที่สามารถครอบครองปืนในสหรัฐได้ประกอบไปด้วย 1.พลเมืองอเมริกัน 2.ผู้มีสัญชาติอเมริกัน แต่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน 3.ผู้ถือกรีนการ์ด ซึ่งเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรในสหรัฐ 4.ชาวต่างชาติที่ได้สถานะผู้ลี้ภัยในสหรัฐ 5.ชาวต่างชาติที่อยู่ภายใต้วีซ่าที่ไม่ใช่ผู้อพยพ แต่ต้องมีคุณสมบัติตรงกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง เช่น ใช้ปืนเพื่อจุดประสงค์ด้านการล่าสัตว์ หรือกีฬา และมีใบอนุญาตล่าสัตว์ที่ออกโดยรัฐบาลของรัฐ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต่างชาติ ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลสหรัฐ หรือองค์กรระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐ

Advertisement

ส่วนผู้ที่ไม่สามารถครอบครองปืนในสหรัฐได้ ได้แก่ 1.ผู้ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกเกิน 1 ปี 2.ผู้ที่หนีคดี 3.ผู้ใช้สารเสพติดที่ผิดกฎหมาย 4.ผู้มีปัญหาทางจิต 5.ชาวต่างชาติที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย 6.ผู้ที่เคยถูกปลดประจำการจากกองทัพด้วยสาเหตุที่ร้ายแรง 7.ผู้ที่สละสัญชาติอเมริกัน 8.บุคคลที่อยู่ภายใต้คำสั่งศาลที่ห้ามไม่ให้บุคคลนี้ล่วงละเมิด สะกดรอยตาม หรือข่มขู่คู่ชีวิต หรือบุตรของคู่ชีวิต 9.บุคคลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายล่าสุด

ภายหลังเหตุกราดยิงในโรงเรียนในเมืองยูวัลดี สหรัฐได้มีการเสนอที่จะแก้ไขอายุขั้นต่ำในการซื้อปืนจาก 18 ปี เป็น 21 ปี โดยมือปืนในเหตุกราดยิงในโรงเรียนครั้งล่าสุด ก็เป็นเด็กหนุ่มอายุเพียง 18 ปี สื่อต่างชาติรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐได้อนุมัติกฎหมายควบคุมปืน ที่ใช้ชื่อว่า ‘กฎหมายปกป้องลูกหลานของเรา’ โดยได้แก้ไขอายุขั้นต่ำในการซื้อปืนจากเดิม 18 ปี เป็น 21 ปี, ห้ามจำหน่ายแม็กกาซีนที่มีความจุมาก และกำหนดข้อบังคับใหม่เกี่ยวกับการเก็บปืนที่บ้าน

อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวยากที่จะผ่านในชั้นวุฒิสภา เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ในขณะที่นางเคธี โฮคอล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก อนุมัติกฎหมายปรับอายุผู้ซื้อปืนแล้วเช่นกัน แต่ล่าสุดศาลสูงได้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าวแล้ว เนื่องจากมองว่าขัดต่อสิทธิในการพกพาอาวุธปืนนอกเคหะสถาน ส่วนเรื่องการอนุมัติให้ปรับอายุขึ้นอย่างเป็นทางการต้องรอติดตามต่อไป

Advertisement

ส่วนการเคลื่อนไหวด้านกำหมายควบคุมปืนในสหรัฐล่าสุดคือ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่วุฒิสภาสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ปืนตกอยู่ในมือคนอันตราย ภายหลังที่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนร่วมกับพรรคเดโมแครตโหวตสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับปืน ด้วยคะแนนเสียง 65 ต่อ 33 การแก้ไขมาตรการนี้จะทำให้มีการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนที่มีอายุระหว่าง 18-21 ปีมากขึ้น รวมถึงการดูข้อมูลสุขภาพจิตที่เริ่มบันทึกตั้งแต่อายุ 16 ปี ร่างกฎหมายดังกล่าวยังสนับสนุนให้รัฐต่างๆ ผ่านกฎหมาย “ธงแดง” ซึ่งอนุญาตให้ยึดปืนได้ชั่วคราวจากบุคคลที่ผู้พิพากษาพิจารณาว่าเป็นอันตรายเกินกว่าจะครอบครองปืนได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้กฎการห้ามผู้ใช้ความรุนแรงซื้อปืน การห้ามซื้อปืนแทนผู้อื่น และการห้ามลักลอบขนปืนเข้มงวดยิ่งขึ้นด้วย และร่างกฎหมายดังกล่าวยังรวมถึงกองทุนช่วยดูแลสุขภาพจิตและการเพิ่มความปลอดภัยในโรงเรียนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ด้วย

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ แถลงเมื่อคืนวันที่ 22 มิถุนายนว่า สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐจะพิจารณาร่างกฎหมายนี้ต่อไปในเช้าวันที่ 24 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะลงนามอนุมัติใช้เป็นกฎหมายแน่นอน เรียกได้ว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นก้าวสำคัญของรัฐสภาในการลดความรุนแรงจากปืนในรอบเกือบ 30 ปี

การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่ศาลสูงยกเลิกกฎหมายของนิวยอร์กที่พยายามจำกัดการพกพาอาวุธปืนนอกเคหะสถาน สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างศาลที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอนุรักษนิยมและสภาที่พรรคเดโมแครตเป็นเสียงข้างมาก

ทั้งนี้จากการสำรวจของควินนิแพกโพลเผยให้เห็นว่า 59% ของสมาชิกพรรครีพับลิกัน และ 76% ของสมาชิกไม่สังกัดพรรค เห็นด้วยกับการเพิ่มอายุขั้นต่ำในการซื้อปืนเป็น 21 ปี ถือเป็นความหวังที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงกฎหมายปืนครั้งใหญ่ในสหรัฐ

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างแคนาดา ได้มีการเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันเหตุกราดยิงก่อนสหรัฐเสียอีก โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ประกาศว่า จะห้ามการครอบครองปืนในแคนาดา ซึ่งทำให้ไม่สามารถนำเข้าและขายอาวุธปืนได้ อย่างไรก็ตามกฎหมายดังกล่าวยังต้องรอการอนุมัติจากรัฐสภา ซึ่งพรรครัฐบาลอย่างพรรคเสรีนิยมครองเสียงส่วนน้อยในสภา โดยนายทรูโดกล่าวในงานแถลงข่าวว่า “นี่เป็นกฎหมายที่ห้ามการครอบครองปืนทั่วประเทศ ซึ่งหมายถึงจะไม่สามารถซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน นำเข้าปืนได้อีกแล้วในพื้นที่ประเทศแคนาดา”

หวังว่าเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้น จะเป็นบทเรียนและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะสิ่งที่ญาติของเหยื่อ หรือผู้รอดชีวิตต้องการ ไม่ใช่การสวดมนต์หรือไว้อาลัย แต่คือการเปลี่ยนแปลงเพื่อยุติความรุนแรงจากปืน!

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image