คอลัมน์ People In Focus: เคน รี ทหารผ่านศึกยูเครนคนดังชาวเกาหลีใต้

คอลัมน์ People In Focus: เคน รี ทหารผ่านศึกยูเครนคนดังชาวเกาหลีใต้

“ไม่ช่วยก็เป็นอาชญากรรม” เป็นคำพูดของ เคน รี อดีตนาวิกโยธินเกาหลีใต้ที่โด่งดังมากๆ ในเกาหลีใต้ ในฐานะครูฝึกในรายการ “Fake Men” รายการฝึกคนธรรมดาให้เป็นทหารทางยูทูบ แต่เวลานี้กำลังถูกทางการจับดำเนินคดีหลังเดินทางไปร่วมรบที่ประเทศยูเครน

“รี” ที่ได้รับบาดเจ็บขณะนำกองกำลังนานาชาติ ลาดตระเวณในยูเครน จนต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อรักษาตัว ก่อนจะถูกจับกุมที่สนามบินในกรุงโซลในทันที ในข้อหาละเมิดกฎหมายเกาหลีใต้ ที่ห้ามไม่ให้พลเมืองเดินทางไปยังประเทศยูเครน

 

Advertisement

อดีตนายทหารหน่วยรบพิเศษวัย 38 ปี เกิดในเกาหลีใต้แต่เติบโตในสหรัฐอเมริกา เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยวีเอ็มไอ โรงเรียนนายร้อยเอกชนสหรัฐอเมริกา

รี กลับมารับใช้ชาติในประเทศเกาหลีใต้ เข้าประจำการกับหน่วยนาวิกโยธินเกาหลีใต้เป็นเวลา 7 ปี ได้เข้าร่วมรบในสมรภูมิประเทศโซมาเลีย และอิรัก ก่อนจะปลดประจำการมาเปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านการทหาร

รี ระบุว่าตนต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากการ “ละเมิดกฎหมาย” แต่ตนมองว่าความผิดดังกล่าวนั้นเล็กน้อยเทียบเท่ากับการ “ละเมิดกฎจราจร”

Advertisement

นายทหารคนดังเล่าว่าตนสมัครเป็นทหารอาสาสมัครกับสถานเอกอัครราชทูตยูเครนในกรุงโซล ในทันที หลังจากนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ประกาศขอความช่วยเหลือจากผู้มีประสบการณ์ทางทหารทั่วโลกเพื่อร่วมรบต่อต้านกองทัพรัสเซีย

การรบในวันแรกของรี เกิดขึ้นที่เมืองเออร์ปิน สมรภูมิแนวหน้าที่รีระบุว่ามีแต่ความ “ป่าเถื่อน” และ “โกลาหล” และได้เห็นการก่ออาชญากรรมสงครามของรัสเซียกับตาตัวเอง

“ผมเห็นพลเรือนถูกยิง เขากำลังขับรถและถูกส่องจากหน้าต่างและตายต่อหน้าต่อตาพวกเรา” รีระบุ

ด้วยประสบการทางการทหาร รี ได้รับความไว้วางใจให้ตั้ง “หน่วยรบพิเศษ” ของตัวเองขึ้นประกอบไปด้วยทหารผู้มีประสบการจากหลายประเทศ และยุทโธปกรณ์ที่ถูกส่งมาจากทุกสารทิศ แต่ไม่มีอาวุธถูกส่งจากเกาหลีใต้เลย เนื่องจากเกาหลีใต้ส่งความช่วยเหลือด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับอาวุธสังหาร

“ผมกินอาหารจากแคนาดา ใช้ปืนจากสาธารณรัฐเช็ก ผมมีขีปนาวุธแจฟลินจากสหรัฐ ผมมีจรวดจากเยอรมนี แต่ไม่มีอะไรมาจากเกาหลีเลย” รีระบุ

รี ผู้ที่มีผู้ติดตามช่องยูทูบมากถึง 700,000 ซับ และบันทึกประสบการณ์การรบในยูเครนผ่านอินสตาแกรม เปิดเผยว่าแม้ตนจะสูญเสียเพื่อนร่วมรบไปมากมายแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้

“มันเหมือนกับคุณเดินไปที่ชายหาด และคุณเห็นป้าย ‘ห้ามลงเล่นน้ำ’ ปักอยู่ แต่คุณก็เห็นคนกำลังจมน้ำอยู่ มันเป็นอาชญากรรมเหมือนกันถ้าไม่ช่วย นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิด” รีระบุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image