รายงาน : “บัวแก้วสัญจร”เยี่ยมเยือน ร้อยเอ็ด-กาฬสินธุ์ (1)

เมื่อสัปดาห์ก่อน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศ ประกอบด้วย น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ และนายสุริยา จินดาวงษ์ อธิบดีกรมอาเซียน เดินทางไปเยี่ยมเยือนจังหวัดร้อยเอ็ด ภายใต้โครงการ”บัวแก้วสัญจร” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โครงการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อน ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้นำคณะบัวแก้วสัญจรลงพื้นที่ด้วยตนเอง

โครงการบัวแก้วสัญจรมีขึ้นตั้งแต่ปี 2542 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารและข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศได้มีโอกาสพบปะพูดคุย และสร้างความเข้าใจกับส่วนราชการรวมถึงประชาชนในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ ทั้งยังเป็นการลงพื้นที่เพื่อรับฟังข้อมูลและข้อเสนอแนะจากพื้นที่ และเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับหน่วยราชการในภูมิภาคไปพร้อมๆ กัน

 

Advertisement

ท่านรัฐมนตรีฯดอนได้เริ่มต้นภารกิจด้วยการเปิดงานที่ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ให้การต้อนรับ จากนั้นอธิบดีกาญจนาได้บรรยายเรื่องวาระการพัฒนาที่ยังยืน ขณะที่อธิบดีสุริยาได้บรรยายเรื่อง 50 ปีอาเซียน จากอดีตสู่อนาคต คนไทยได้อะไร และนายธาตรี เชาวชตา ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ได้บรรยายเรื่องงานบริการด้านกงสุลสำหรับประชาชน ให้กับส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องรับฟัง

ท่านรัฐมนตรีฯดอนกล่าวว่า ภารกิจหลักของบัวแก้วสัญจรคือการที่กระทรวงการต่างประเทศได้นำเอาประสบการณ์การทำงานด้านต่างประเทศมาเชื่อมกับท้องถิ่นและภูมิภาคต่างๆ ในไทย ร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่ 55 ที่มาเยือน เราเริ่มต้นโครงการบัวแก้วสัญจรมา 18 ปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกมาร่วมโครงการนี้ครบกับทีมใหญ่ที่ดูแลพื้นฐานของประเทศไทยในหลายด้าน การพบปะกับจังหวัดต่างๆ ถือเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

 

Advertisement

จังหวัดได้รับทราบภารกิจของกระทรวงต่างประเทศว่ามีอะไรบ้างที่เชื่อมโยงกับประชาชนในจังหวัดได้ เราทำหน้าที่”เชื่อมโลกสู่ไทย เชื่อมไทยสู่โลก” สิ่งที่ดีที่เกิดในจังหวัดสามารถนำไปใช้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ครอบคลุมหมดทุกด้าน และทำให้คนในจังหวัดได้ประโยชน์จากการรับรู้ภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งมีอย่างกว้างขวาง

อาเซียนเมื่อ 18 ปีก่อนก็ไม่ได้เป็นประชาคมอาเซียน บัดนี้เป็นแล้ว มีกฎเกณฑ์มาตรการต่างๆ ที่เปลี่ยนไป มีสิ่งท้าทายเพิ่มขึ้น หลายอย่างที่คนในโลกปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ เผชิญสิ่งท้าทายและภัยคุกคาม ขณะที่เพื่อนบ้านรอบตัวเรา 18 ปีก่อนมีปัญหาในประเทศหลายลักษณะ แต่ขณะนี้ปัญหาถูกขจัดไปแล้ว เกิดความเชื่อมโยงกันมากขึ้น

ขณะที่ความต่อเนื่องของการดำเนินการ 18 ปีทำให้เรารู้ว่าการพัฒนาที่เกิดขึ้นทั่วโลก มาถึงจุดๆ หนึ่งจะมีผลต่อประเทศทั่วโลกและแต่ละจังหวัด อาทิ จีน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุคใหม่ 40 ปีก่อนจีนเป็นประเทศยากจน ขณะนี้จีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถทำให้เกิดสิ่งที่สัมฤทธิ์ผลได้มากที่สุดในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด 40 ปี ซึ่งทำให้ไทยต้องเตรียมพร้อมว่าเราจะสัมผัสกับจีนอย่างไร ถ้าเราไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ นำมาบอกกล่าวถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนกัน อาจทำให้การเตรียมความพร้อมของเราไม่ทั่วถึงและไม่ดีพอ จึงเชื่อว่าโครงการบัวแก้วสัญจรเป็นโครงการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นคุณค่า

ภารกิจของกระทรวงถือเป็น 1 ใน 2 ภารกิจสำคัญที่ทุกประเทศทั่วโลกทำอย่างเดียวกันและมีความสำคัญเสมอเหมือนกัน นั่นคือภารกิจในประเทศกับต่างประเทศ ในส่วนของภารกิจในประเทศ มีหลายเรื่องราวที่ต้องทำซึ่งทุกหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมแรงร่วมใจจึงจะทำให้งานขับเคลื่อนไปได้ แต่งานด้านต่างประเทศต้องไปสัมผัสกับ 193 ประเทศทั่วโลก เราทำงานทุกด้านตั้งแต่การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม

ขณะนี้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นกระแสหลักใหญ่ของโลก ทุกประเทศไม่ว่าจะพัฒนาไปแค่ไหนก็ต้องมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ฉะนั้นทุกประเทศพยายามให้การพัฒนาที่ลงทุนลงแรงไปมีความยั่งยืนที่สุด เวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ก็จะเน้นเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องรับรู้ว่าที่สุดแล้วการพัฒนาที่ยั่งยืนนำไปสู่เป้าหมายอะไร เพื่ออะไร ที่สุดแล้วคือเยาวชนที่ควรได้ทราบสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานเพื่อที่จะได้เป็นกำลังของประเทศชาติสืบไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังถือโอกาสที่มาเยือนจ.ร้อยเอ็ด เดินทางไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนในโครงการยุวทูตความดี ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความริเริ่มของท่านรัฐมนตรีฯดอนตั้งแต่ครั้งยังดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ตั้งแต่โรงเรียนบ้านผักแว่นอนามัย โรงเรียนชุมชนบ้านสีแก้ว และโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด

นายดอนกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญในการปลูกฝังดูแลเยาวชนให้ใกล้ชิด ให้เขาเจริญวัยเป็นพลเมืองที่ดีและมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยลดทอนปัญหาของสังคมและส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยในการแข่งขันให้บรรลุผลสำเร็จได้ จึงเป็นที่มาของโครงการยุวทูตความดี เจตนาหลักคือเราต้องการปลูกฝังจิตสำนึก ฝึกจิตอาสา พัฒนาโลกทัศน์ของเด็กๆ กระทรวงเริ่มต้นโครงการนี้เมื่อ 18 ปีก่อนในโรงเรียนระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ เพื่อที่เราจะได้คนที่มีความพร้อมไปช่วยเหลือประเทศชาติต่อไป

ที่สำคัญที่สุดปัญหาและโอกาสทั้งปวงอยู่ที่คนจะทำให้บรรลุเป้าหมาย อยู่ที่คนจะทำให้เกิดปัญหาน้อยหรือมาก และคนก็จะเป็นผู้แก้ปัญหานั้น “คน”เป็นสุดยอดความมหัศจรรย์ของโลก เพราะคนคือผู้ที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลาย เมื่อรู้ว่าคนคือสิ่งสุดยอด เราก็ต้องพยายามพัฒนาเยาวชนในจังหวัดของเราให้ได้ เพราะเขายังมีศักยภาพมากมายจากความมหัศจรรย์ในตัวเขา

โครงการยุวทูตความดียังมีการเชื่อมโยงโรงเรียนพี่น้องในต่างประเทศซึ่งใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง ในอดีตหลังจากที่เด็กเข้าโครงการ มีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ จะกระตือรือร้นสนใจและตื่นตัวในการเรียนและการใช้ภาษาต่างประเทศอีกด้วย

ขณะที่ในช่วงเย็นท่านผู้ว่าฯสฤษดิ์ได้นำคณะผู้แทนภาคธุรกิจของจ.ร้อยเอ็ด ร่วมพูดคุยหารือกับท่านรัฐมนตรีฯดอนและผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งท่านรัฐมนตรีฯดอนระบุว่า โครงการบัวแก้วสัญจรที่ได้มาสัมผัสทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ เยาวชนรวมถึงครู ทั้งหมดนี้คือ”โครงการทูตประชารัฐ” ที่อยากให้รับรู้ร่วมกันถึงประโยชน์ที่พึงได้จากการสัมผัมและสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและท้องถิ่น โครงการนี้จึงเป็นประโยชน์ที่จะทำอย่างต่อเนื่องต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image