4 ปีหลัง “ฮูโก ชาเวซ” ผู้นำปฏิวัติของชาวเวเนซุเอลาเสียชีวิตลง “มาดูโร” พยายามอย่างยิ่งที่จะนำแนวทางของอดีตผู้นำมาปรับใช้
แต่นั่นกลับกลายมาเป็นข้อเปรียบเทียบกับ “ชาเวซ” อดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับผู้ครองตำแหน่งยาวนาน 14 ปี อดีตทหารผู้ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยบุคลิกที่ถูกใจประชาชน พร้อมด้วยนโยบายใช้จ่ายงบประมาณอย่างเหลือเฟือ ผลจากรายได้จากน้ำมันอันมหาศาลในเวลานั้น
แนวทางการปราศัยและการเข้าถึงประชาชนแบบบ้านๆ ถูกนำมาปรับใช้ แต่ก็กลายเป็นความผิดพลาดเมื่อครั้งหนึ่งมาดูโร ถูกปาด้วยมะม่วงเข้าที่ศีรษะระหว่างขับรถบัสหาเสียง ขณะที่เมื่อปีก่อน การปล่อยคลิปโปรโมทรายการ “ซัลช่าอาวร์” ทางสถานีวิทยุของรัฐ ที่แสดงให้เห็นมาดูโรเต้นรำกับภรรยา ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้นำประเทศกำลังอ้วนท้วนขึ้นขณะที่ประชาชนกำลังหิวโหย
ประธานาธิบดี มาดูโร วัย 54 ปี อดีตรองประธานาธิบดีที่ขึ้นสู่ตำแหน่งหลังการเสียชีวิตของ “ชาเวซ” ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2556 ทว่าก็เป็นชัยชนะที่ถูกบดบังด้วยข้อกล่าวหาการทุจริต
ในปี 2557 มาดูโร ต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงหลายระลอกผลจาก “อาชญากรรมอันรุนแรง” รวมถึง “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ”
ความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อธุรกิจน้ำมันของประเทศต้องซบเซาลงผลจาก “ราคาน้ำมันโลกที่ตกต่ำ” ซ้ำเติมด้วย “วิกฤตเศรษฐกิจ” ส่งผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคขาดแคลน เกิดการจลาจลและการปล้นสะดมมากขึ้นเรื่อยๆ
ในปี 2558 ชาวเวเนซุเอลา ที่ผิดหวังกับการบริหารงานของรัฐบาล หันไปสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านที่ได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร นับเป็น “ความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก” ของพรรคแนวร่วมสังคมนิยมแห่งเวเนซุเอลา (พีเอสยูวี) ที่ครองเสียงข้างมากมาโดยตลอด
“มาดูโร” ตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีก ด้วยความพยายามตั้ง “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ที่มีอำนาจในการยุบ “สภาผู้แทนราษฎร” ที่ฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากอยู่ได้ นั่นยิ่งส่งผลให้เกิดการประท้วงรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 120 คน
ล่าสุด “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ซึ่งมีสมาชิกจากพรรคพีเอสยูวี ได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว ย่างก้าวที่ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาประกาศคว่ำบาตร “มาดูโร” อย่างเป็นทางการ ขณะที่ฝ่ายค้านตัดสินใจปลุกระดมการประท้วงบนท้องถนน ความวุ่นวายที่ทำให้อนาคตการเมืองของเวเนซุเอลาเริ่มมืดมนยิ่งขึ้น
มาดูโร เกิดในกรุงการากัส โดยในช่วงวัยรุ่นเคยเป็น “มือกีตาร์” อยู่ในวงร็อคที่มีชื่อว่า “อีนิกมา”
มาดูโร ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสหภาพแรงงานหน่วยงานรถไฟใต้ดินของเวเนซุเอลา และได้รับการฝึกฝนแนวคิดคอมมิวนิสต์ในประเทศคิวบาในช่วงทศวรรษที่ 80
มาดูโร ได้รับเลือกเข้าสู่สภาในเวลาเดียวกับที่ ฮูโก ชาเวซ ขึ้นสู่อำนาจ ก่อนก้าวขึ้นเป็นประธานสภา ตามด้วยตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และ รองประธานาธิบดีในปี 2549 และ 2555 ตามลำดับ
ปัจจุบันแม้มาดูโรจะก้าวสู่จุดสูงสุดในฐานะผู้นำประเทศ แต่สถานการณ์ในปัจจุบันก็ชี้ชัดว่า ผลงานของ “มาดูโร” ไม่สามารถเทียบชั้นกับอดีตผู้นำอย่างฮูโก ชาเวซ ได้เลยไม่ว่าจะในแง่มุมใดก็ตาม