สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในการไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวงเขตปกครองพิเศษโคลอมเบียของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ผู้พิพากษามีคำสั่งให้ควบคุมตัวนางมาเรีย บูตินา อายุ 29 ปี ผู้ถูกกล่าวหาเป็นสายลับรัสเซียที่พยายามเข้ามาแทรกซึมรัฐบาลสหรัฐเอาไว้ในระหว่างรอนำตัวขึ้นศาลตามคำร้องขอของอัยการสหรัฐที่ชี้ว่านางบูตินามีความเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย หากไม่ควบคุมตัวไว้ อาจหลบหนีออกจากประเทศสหรัฐไปได้
หัวหน้าทีมอัยการยังแสดงพยานหลักฐานเป็นรูปถ่ายนางบูตินาพบปะกับบุคคลที่เชื่อว่าเป็นสายลับรัสเซียที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน และยังมีการแสดงสำเนาบันทึกที่เขียนด้วยลายมือที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอค้นพบที่อพาร์ทเม้นต์ของนางบูตินา ซึ่งมีเนื้อหาตอบโต้ถึงการได้รับการเสนอการว่าจ้างงานจากหน่วยงานข่าวกรองของรัสเซีย รวมถึงรูปถ่ายที่นางบูตินายืนอยู่หน้าอาคารรัฐสภาในวันที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อ 18 เดือนก่อนด้วย
อัยการสหรัฐยังชี้อีกว่านางบูตินาได้แสวงหาประโยชน์จากการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ(เอ็นอาร์เอ)และพยายามเข้าหาบุคคลระดับสูง อาทิ ผู้ว่าการรัฐหลายคนจากพรรครีพับลิกันและสมาชิกสภาคองเกรส รวมถึงยังได้เสนอตัวเองเพื่อแลกกับตำแหน่งงานด้วย
นางบูตินาซึ่งอ้างว่าเป็นอดีตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอเมริกัน อยู่ในชุดนักโทษสีส้ม มีสีหน้านิ่ง ไม่แสดงความรู้สึก ขณะที่ทนายความของบูตินาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดที่มีต่อลูกความของตนเองรวม 2 ข้อหา คือการสมคบคิดในการเป็นสายลับต่างชาติที่ไม่ได้ทำการลงทะเบียน และข้อหาเป็นสายลับต่างชาติ ซึ่งข้อหาแรกมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และข้อหาที่สองมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
ข่าวแจ้งว่า การจับกุมนางบูตินามีขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ก่อนที่จะมีการเปิดเผยในวันถัดมา ในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์พบปะหารือกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียที่ประเทศฟินแลนด์ และมีขึ้นในขณะที่ทีมสอบสวนนำโดยนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษ กำลังสอบสวนว่าทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์สมคบกับรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 ที่หวังผลให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด