เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานเมื่อวันที่ 9 มกราคมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้พาสปอร์ตของกัมพูชา ซึ่งหากเป็นจริงก็จะเป็นการพิสูจน์ทฤษฏีการหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากประเทศไทยเมื่อปี 2560 ว่า น่าจะหลบหนีผ่านประเทศกัมพูชา แม้ว่าทางการกัมพูชาจะปฏิเสธเรื่องดังกล่าวก็ตาม
ข่าวระบุว่า ในการยื่นเรื่องเปิดบริษัทที่ฮ่องกงพบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ใช้พาสปอร์ตกัมพูชาในการลงทะเบียนเป็นผู้อำนวยการเพียงคนเดียวของบริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา หรือเกือบ 1 ปี หลังจากหลบหนีออกจากประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เอกสารการยื่นเรื่องดังกล่าวขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของรัฐบาลกัมพูชาที่ระบุว่าไม่ได้ออกเอกสารการเดินทางใดๆให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษ์เดินทางออกนอกประเทศไทย
ข่าวระบุว่า การแจ้งเรื่องบริษัทที่ฮ่องกง ถือเป็นหนึ่งในเอกสารที่เปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับข้อตกลงทางธุรกิจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังการหลบหนีออกจากประเทศไทย แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า บริษัทดังกล่าวที่ฮ่องกงประกอบธุรกิจอะไร แต่หลังจากการจัดตั้งบริษัทที่ฮ่องกงได้เพียง 4 เดือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานสถานีขนส่งตู้คอนเทนเนอร์นานาชาติ ซัวเถา ที่ประเทศจีน
ศาสตราจารย์ ฉง จ่าเอี้ยน ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (เอ็นยูเอส) กล่าวว่า หากเป็นหนังสือเดินทางของทางการกัมพูชา ก็จะมีคำถามว่า คนอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หนังสือเดินทางดังกล่าวมาได้อย่างไร แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะได้หนังสือเดินทางดังกล่าวมาจริง เนื่องจากกัมพูชาเป็นทางเลือกที่ง่าย เพียงแค่ข้ามชายแดนไป หากไม่ต้องการเดินทางให้สะดุดตาคนอื่น การมีหนังสือเดินทางอย่างกัมพูชาอยู่ก็จะง่ายขึ้น
