สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมาว่า อังกฤษจะมีนโยบาย ปิดกั้นไม่ให้บริษัท “หัวเว่ย เทคโนโลยี” จากจีนเข้าไปมีส่วนในอุปกรณ์ที่เป็นแกนกลางของระบบ “5G” ในประเทศ และจะมีข้อจำกัดในการเข้าถึงระบบที่ไม่ใช่แกนกลางของระบบ “5G”
รายงานระบุว่าหัวเว่ย บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกถูกจับตามองมากขึ้นหลังสหรัฐอเมริกา กดดันให้ชาติพันธมิตรหลีกเลี่ยงจากการใช้เทคโนโลยีของบริษัทหัวเว่ยในการพัฒนาระบบ 5G ในประเทศ เนื่องจากความกังวลว่าอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจารกรรมข้อมูลของรัฐบาลจีน
ด้านทอม ทูเกนด์ฮัต ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ ของอังกฤษระบุกับสถานีวิทยุบีบีซี ว่า เป็นการยากที่จะให้คำจำกัดความว่าอะไรคือระบบซึ่งเป็นแกนกลาง และไม่ใช่แกนกลาง ของระบบ 5G
รอยเตอร์ระบุว่า สถานการณ์ระหว่างสหรัฐกับจีนถูกมองในเชิงเปรียบเทียบในบางกรณีว่าเหมือนกับการแข่งขันพัฒนาอาวุธในช่วงยุคสงครามเย็น เป็นการที่สหรัฐกังวลว่า การมีบทบาทของจีนในระบบ 5G ของโลกจะทำให้คู่แข่งอย่างจีนนั้นมีความได้เปรียบในแบบที่สหรัฐอเมริกาไม่สามารถรับได้
ล่าสุด โฆษกของบริษัทหัวเว่ยได้แถลงเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า หัวเว่ย ยินดีที่ได้รับรายงานว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังจะเปิดทางให้หัวเว่ยได้มีส่วนในการช่วยสร้างระบบ 5G ในประเทศ
“เรายินดีที่มีรายงานว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังเดินหน้าไปสู่การเปิดทางให้หัวเว่ยได้ช่วยสร้างโครงข่าย 5G ในอังกฤษ” โฆษกหัวเว่ยระบุ และว่า “ขณะที่เรากำลังรอการแถลงอย่างเป็นทางการของรัฐบาลอังกฤษ เราจะยังคงทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคอุตสาหกรรม และการเดินหน้าไปสู่ความมั่นคงของเครือข่ายที่มีพื้นฐานบนหลักฐานข้อเท็จจริง”
ทั้งนี้ ระบบ 5G จะช่วยให้มีการติดต่อสื่อสารข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมและโครงข่าย ซึ่งจะเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีเลยทีเดียว