เว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทม์สและวอลสตรีทเจอร์นัล รายงานว่า อัตราการสร้างงานที่เติบโตช้าและความไม่แน่นอนในต่างประเทศ อาทิ ความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท ทำให้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน กองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ตัดสินใจที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปรับลดคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวลง เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่ระมัดระวังมากกว่าเดิมของเฟด
เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.25-0.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับเดิมนับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกจากระดับใกล้ 0 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่การคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสำหรับปี 2560 และ 2561 ถูกปรับลดลงเช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะยาว
“ดิฉันไม่สามารถบอกถึงกำหนดตารางเวลาที่แน่นอนได้” นางเยลเลนกล่าวเมื่อถูกถามถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งต่อไป ในการแถลงข่าวหลังสิ้นสุดการประชุมกำหนดนโยบายเป็นเวลา 2 วันของเฟด และว่า “เราค่อนข้างจะไม่แน่ใจในเรื่องว่าอัตราดอกเบี้ยจะมุ่งหน้าไปในทิศทางไหนในระยะยาว”
