สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานกองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความกังวลถึงความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท ขณะที่เงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าสุดในรอบ 22 เดือนจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ปฏิเสธที่จะใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่ม
โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน เฟดปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของปีนี้รวมถึงอีก 2 ปีถัดไป และส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะน้อยลงและช้าลง เป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก
คำกล่าวแสดงความคิดเห็นของนางเยลเลนฉุดให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง และเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่น และแม้กระทั่งเทียบกับเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษถึงแม้จะมีความกังวลเรื่องเบร็กซิทก็ตาม
“ชัดเจนว่า นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญมากสำหรับอังกฤษและยุโรป” นางเยลเลนกล่าว และว่า “เป็นการตัดสินใจที่จะส่งผลกระทบต่อสถานภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในตลาดโลก และจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐเช่นเดียวกัน”
ข่าวดังกล่าวสร้างแรงกดดันในทางลบต่อเงินดอลลาร์สหรัฐและเมื่อรวมกับที่บีโอเจประกาศว่าจะไม่มีมาตรการอัดฉีดเพิ่มเติมแม้ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงติดขัด ทำให้เงินดอลลาร์ร่วงลงมาอยู่ที่ 103.72 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 116.92 เยน ต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ซึ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ส่งออกของญี่ปุ่น ส่งผลให้ดัชนีนิกเคอิในตลาดหุ้นกรุงฌตเกียวของญี่ปุ่นดิ่งลงมากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงถ้วนหน้าโดยฮ่องกง ลดลง 2.1 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ปิดลดลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นกรุงโซลร่วงลง 0.9 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดการซื้อขายภาคเช้าวันเดียวกัน ตลาดหุ้นลอนดอน ของอังกฤษร่วงลง 1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีและตลาดหุ้นกรุงปารีส ฝรั่งเศสร่วงลง 1.3 เปอร์เซ็นต์
ด้านราคาน้ำมันยังร่วงต่อโดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ร่วงลง 1.3 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 47.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 1.3 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกันมาอยู่ที่ 48.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
