เจาะเวลาหาปัจจุบัน! ‘เดลอเรียน’ผลิตรถรุ่นดังจากหนัง ‘แบ็ก ทู เดอะ ฟิวเจอร์’ขายปีหน้า

(DeLorean Motor Company)

เว็บไซต์ดิเอ็กซ์เพรสทริบูน ในเครือของอินเตอร์เนชั่นแนลนิวยอร์กไทม์ส, เดอะเวิร์จ และบิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานว่า บริษัทเดลอเรียนมอเตอร์คอมปานี เตรียมที่จะกลับมาผลิตรถยนต์รุ่นยอดฮิต ดีเอ็มซี-12 ซึ่งเป็นรถยนต์เพียงรุ่นเดียวที่บริษัทเคยผลิต และเป็นรุ่นที่ปรากฏในภาพยนตร์ดังของยุคทศวรรษที่ 1980 เรื่อง “แบ็ก ทู เดอะ ฟิวเจอร์” (Back to the Future) หรือชื่อไทยคือ “เจาะเวลาหาอดีต” อีกครั้ง หลังจากหายไป 35 ปี โดยเดลอเรียนเตรียมที่จะผลิตรถยนต์รุ่นนี้ในปีหน้า ราว 325 คันที่โรงงานในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ด้วยการใช้เค้าโครงของรุ่นเดิมที่โด่งดังเมื่อปีค.ศ. 1982

(DeLorean Motor Company)
(DeLorean Motor Company)

การตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลสหรัฐเพิ่งจะผ่านกฎหมาย “รัฐบัญญัติผู้ผลิตรถยนต์จำนวนน้อย” ที่ยกเว้นผู้ผลิตรถจำนวนน้อยที่จำลองจากรุ่นต้นแบบให้ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยแบบเดียวกับที่บังคับใช้ในรถยนต์ที่ผลิตออกขายเป็นจำนวนมาก

(DeLorean Motor Company)
(DeLorean Motor Company)

นายสตีเฟน วินน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของเดลอเรียน เปิดเผยว่า จะไม่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของรถ โดยรถรุ่นปี 2017 จะสร้างขึ้นจากพิมพ์เขียวเดิม คงไว้ซึ่งประตูแบบปีกนกที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนเครื่องยนต์จะสั่งซื้อจากผู้ผลิตภายนอก เนื่องจากแม้จะได้รับการยกเว้นเรื่องข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่กฎหมายผู้ผลิตรถยนต์จำนวนน้อยไม่ได้ยกเว้นข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม ที่หมายถึงเครื่องยนต์ของรถจะต้องไม่ปล่อยมลพิษเกินระดับที่กำหนด นอกจากนี้ยังคาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ที่มีกำลังราว 300-400 แรงม้าแทนเครื่องยนต์เดิมของรถรุ่นนี้ที่มีกำลังแค่ 130 แรงม้า รวมถึงเปลี่ยนจากล้อเดิมที่ใช้ขอบ 14 และ 15 นิ้ว มาเป็นใช้ล้อขอบ 17-18 นิ้วเพื่อเพิ่มสมรรถนะด้วย

(DeLorean Motor Company)
(DeLorean Motor Company)

ข้อมูลจากนิตยสารไทม์ระบุว่า ก่อนหน้านี้ รถยนต์รุ่นนี้ถูกผลิตออกมาทั้งหมดราว 9,000 คันในช่วงยุคทศวรรษที่ 1980 โดยปัจจุบันมีราว 6,500 คันที่อยู่ในสภาพพอใช้ได้ ซึ่งทางเดลอเรียนจะนำรถยนต์จำนวนนี้ที่รวบรวมมาได้ มาตกแต่งปรับปรุงใหม่จนมีสภาพใช้งานได้ หรือเรียกว่ารุ่น “รีเฟอร์บิช” และนำออกจำหน่ายในราคาราว 45,000 – 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 – 1.9 ล้านบาท) ขณะที่รุ่นผลิตใหม่ในปี 2017 จะจำหน่ายที่ราคาราว 80,000 – 100,000 ดอลลาร์ (ราว 2.8 – 3.5 ล้านบาท)

ADVERTISMENT