สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผลการลงประชามติเลือกที่จะออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกว่า “เบร็กซิท” ของชาวสหราชอาณาจักร (ยูเค) หรือที่เรียกรวมๆ กันว่าอังกฤษ แบบน่าประหลาดใจ ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มูลค่าของตลาดหุ้นทั่วโลกวันเดียวกัน หายไปคิดเป็นมูลค่ารวมแล้วมากถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 74 ล้านล้านบาท) จากการที่นักค้าตื่นตระหนกในการต้องเผชิญกับภัยคุกคามใหม่ของเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนทิ้งสินทรัพย์อื่นเพื่อมาถือสินทรัพย์ที่ถูกมองว่าปลอดภัยกว่าอย่างทองคำ เงินสกุลเยนญี่ปุ่น และตราสารหนี้ของบริษัทชั้นดี จากที่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระดับสั่นสะเทือนของยุโรปส่งผลให้มีคำถามมากมายที่ยังไม่ชัดเจน รวมถึงใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของอังกฤษต่อจากนายเดวิด คาเมรอน ที่ประกาศว่าจะลาออกภายหลังทราบผลการลงประชามติ
การลงประชามติเลือกเบร็กซิทส่งผลให้ตลาดหุ้นกรุงโตเกียว ของญี่ปุ่นร่วงลง 7.9 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นกรุงปารีสของฝรั่งเศส ร่วงลง 8 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีร่วงลง 6.8 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นมิลานของอิตาลีร่วงลง 12.5 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นกรุงมาดริดของสเปนร่วงลง 12.4 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นกรุงลอนดอน ของอังกฤษร่วงลง 3.2 เปอร์เซ็นต์ และตลาดหุ้นนิวยอร์กของสหรัฐอเมริการ่วงลง 3.4 เปอร์เซ็นต์ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 610 จุด นับเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 1 วันนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 3.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ดัชนีแนสแด็กร่วงลง 4.1 เปอร์เซ็นต์
