เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นสำคัญๆ ทั่วเอเชียว่า ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากนักลงทุนพากันมองข้ามปัญหาภาวะว่างงานมหาศาลถึง 20.5 ล้านคนในเดือนเมษายนในสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้อัตราว่างงานพุ่งเป็น 14.7 เปอร์เซ็นต์สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อปี 1930 โดยเชื่อว่า การว่างงานเหล่านั้นเป็นเพียงการว่างงานชั่วคราว และจะถูกเรียกกลับทั้งหมดทันทีที่เศรษฐกิจฟื้นฟู
นักลงทุนพากันมุ่งความสนใจไปที่ตัวเลขการเสียชีวิตและจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงในประเทศที่เคยเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนัก ทำให้เชื่อว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดลง
ทั้งนี้ดัชนีหลักทรัพย์ในตลาดโตเกียว, ฮ่องกง, ซิดนีย์, และไทเป ปิดตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่จาการ์ตา, มุมไบ เพิ่มขึ้นกว่า 1 เปอร์เซ็นต์เช่นเดียวกับในสิงคโปร์และเวลลิงตัน มีเพียงตลาดเกาหลีใต้ในกรุงโซลที่ปิดในแดนลบ 0.5 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามนักสังเกตการณ์เตือนว่า ในสภาพแวดล้อมที่อนาคตยังไม่แน่นอนเช่นในเวลานี้ มีโอกาสไม่น้อยที่นักลงทุนจะแห่กันเข้าไปซื้อหลักทรัพย์ที่ทำให้มูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง ที่ยังคงน่าวิตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มต้นเกิดการระบาดระลอก 2 ในประเทศอย่างจีนและเกาหลีใต้ให้เห็นแล้วในเวลานี้ที่จะส่งผลให้การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มที่ต้องชะลอช้าออกไปอีก
