สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ซาอุดีอาระเบีย ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของตนเองลงอีกวันละ 1 ล้านบาร์เรล โดยระบุว่ารัฐบาลได้ขอให้ “อารามโก” บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของทางการซาอุฯ ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเริ่มจากเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป โดยหวังให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับตัวสูงขึ้นหลังจากดิ่งเหวหนักท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำนักข่าวซาอุดีเพรสรายงานอ้างกระทรวงพลังงานของซาอุฯ แถลงว่า การปรับลดกำลังการผลิตลงอีกนี้ของซาอุฯ จะส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกของซาอุฯลดลงเหลือ 7.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก หรือ โอเปก ที่นำโดยซาอุฯและชาติพันธมิตร ซึ่งเรียกขานกันว่า กลุ่มโอเปก พลัส (OPEC+) บรรลุความเห็นพ้องที่จะลดการผลิตน้ำมันดิบลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นรับปากที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันของตนเองลงรวมกันอยู่ที่ราว 3.7 ล้านบาร์เรล
ภายใต้ข้อตกลงข้างต้น ซาอุฯจะผลิตน้ำมันดิบเหลือวันละ 8.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 10 ปีของซาอุฯ
“ซาอุฯ มุ่งหมายให้การปรับลดกำลังผลิตลงนี้เป็นสิ่งกระตุ้นให้ประเทศต่างๆในกลุ่มโอเปกพลัสและประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ ปฏิบัติตามคำมั่นที่จะลดการผลิตน้ำมันลง และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ตลาดน้ำมันโลกมีเสถียรภาพ” กระทรวงพลังงานซาอุฯระบุ
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการปรับลดกำลังผลิตน้ำมันครั้งใหญ่จากความตกลงร่วมกันดังกล่าวซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงต่ำเตี้ย โดยสูญเสียมูลค่าในตลาดไปแล้วราว 2 ใน 3 ในช่วงปีนี้เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกลดลง ผลจากมาตรการปิดเมืองปิดประเทศที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะงักงัน นอกจากนี้ยังถูกซ้ำเติมซ้ำจากการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างรัสเซียกับซาอุฯเมื่อเดือนเมษายนที่่ผานมา
วันเดียวกัน คูเวตประกาศจะปรับลดการผลิตน้ำมันดิบลงด้วยเช่นกันที่ 80,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะมีผลในเดือนมิถุนายนนี้