ดัชนีราคาผู้ผลิตจีนทรุดต่ำสุดรอบ 4 ปี
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) แถลงว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) หรือราคาขายหน้าโรงงานให้กับผู้ขายส่งของจีนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลดลงถึง 3.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลงต่อเนื่อง 1.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับพีพีไอของเดือนมีนาคม ทำให้ระดับพีพีไอของเดือนเมษายนเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 4ปี
ในขณะที่ จูเลียน อีแวนส์-พริทชาร์ด นักวิเคราะห์ของแคปิตอล อีโคโนมิคส์ ตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า การทรุดตัวลงของดัชนีพีพีไอครั้งนี้ เป็นการทรุดลงชันและเร็วที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกเมื่อปี 2007-2008 อีกด้วย
การลดลงของดัชนีพีพีไอ แสดงให้เห็นว่า ผู้ผลิตจำเป็นต้องขายผลผลิตออกไปในราคาต่ำลง เพราะภาวะช็อคด้านดีมานด์ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อความต้องการสินค้าลดลง ผู้ผลิตก็ถูกบีบให้ลดราคาหน้าโรงงานลง กระทบต่อกำไรและความสามารถในการขยายกิจการของบริษัท ซึ่งในที่สุดจะส่งผลถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
อีแวนส์-พริทชาร์ด ชี้ว่าการลดลงดังกล่าวสอดคล้องกับหลักฐานทั่วๆไปที่แสดงให้เห็นว่า ความต้องการสินค้ายังอ่อนแออยู่มากและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเกิดขึ้นช้ากว่าการฟื้นตัวของการผลิต
ในทางตรงกันข้าม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) หรือดัชนีชี้สภาวะเงินเฟ้อของ เอ็นบีเอสในเดือนเมษายนกลับขยายตัวขึ้น 3.3 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่า 3.7เปอร์เซ็นต์ที่คาดการณ์กันไว้ ซึ่งชี้ให้เห็นเช่นเดียวกันว่า ริมาณสินค้ามีมาก ทำให้ราคาลดลง เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่ลดลงมาก และแสดงให้เห็นว่าความต้องการสินค้ายังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าราคาสินค้าบางอย่าง เช่น เนื้อหมู ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องอีก 96.9 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน หลังจากขยับขึ้นมาแล้ว 116.4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
