‘เอดีบี’ ชี้ ‘โควิด’ ทำโลกเจ๊ง 8.8 ล้านล้านดอลล์ ระบุ ยากจะฟื้นคืนได้
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เผยแพร่รายงาน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ คาดการณ์ว่าวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะฉุดเศรษฐกิจโลกดิ่งเหวถึง 9.7% ซึ่งมากกว่าที่เอดีบีคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ถึงเท่าตัว โดยจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมากมายเป็นมูลค่าสูงถึง 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้ แต่การยื่นมือเข้าแทรกแซงของรัฐบาลต่างๆ อาจสามารถช่วยชดเชยความเสียหายเหล่านี้ได้
เอดีบี ระบุว่า จะมีการสูญเสียการจ้างงานมากถึง 242 ล้านอัตราจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ซึ่งมากกว่าเมื่อครั้งเกิดวิกฤตการเงินโลกเมื่อ 10 ปีก่อน ถึงกว่า 7 เท่า โดยรายได้ของแรงงานก็อาจหดหายไปได้มากถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“สภาพเช่นนี้ยากมากที่จะฟื้นคืนได้” เอดีบีระบุ และเตือนว่า นี่ยังไม่อาจไม่นับความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตการเงินขึ้นตามมา หากสถานการณ์แพร่ระบาดไม่สามารถควบคุมได้เร็วมากพอที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้และการล้มละลาย
เอดีบี ระบุว่าเพื่อที่จะจัดการกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจ รัฐบาลหลายชาติได้ประกาศมาตรการหลายอย่างออกมา เช่น รัฐบาลสนับสนุนการจ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้างเพื่อรักษาการจ้างงานเอาไว้ และการงดการจัดเก็บภาษีและธุรกรรมเงินสด เป็นต้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้พอจะช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้
เอดีบีชี้ว่า สหรัฐอเมริกาจะเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1 ใน 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ขณะที่จีนซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 11 เปอร์เซ็นต์ของเศรษฐกิจจีน
ในหมู่ภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและธุรกิจการบินจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการที่ประเทศต่างๆ พากันปิดพรมแดนและใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค สายการบินส่วนใหญ่ยังได้ตัดลดพนักงานลงหรือให้ลาพักโดยไม่รับเงินเดือน ซึ่งกระทบต่อการจ้างงานอย่างรุนแรง โดยแรงงานที่ไร้ความชำนาญจะได้รับผลกระทบหนัก
การคุมเข้มการเดินทางยังจะทำให้การค้าโลกลดลงมีมูลค่าถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางบรรยากาศทางการค้าที่ตึงเครียดหนักมากจากการเผชิญหน้ากันของสหรัฐอเมริกาและจีน สองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความเชื่อมั่นทางธุรกิจอ่อนแอลงอยู่แล้ว
